Vital Farms หุ้น VITL ขายไข่จากไก่ที่มีความสุขเลี้ยงปล่อยทุ่งแบบชิวๆ ที่งบเติบโตแรงเกินคำว่าชิว [Review]
พูดถึงการกินสมัยนี้ หลายคนคงนึกถึงอาหารคลีน อาหาร Organic แต่ตลาดก็ยังคงเล็กอยู่ ในความจริงมีหุ้นบริษัทขายไข่ไก่ที่เลี้ยงในทุ่งที่มีเอกลักษณ์เด่นชัด กลับเติบโตแรงเกินกว่าที่ใครหลายคนคิดไว้ บริษัทนั้นชื่อว่า Vital Farms ไม่ต้องบรรยายอะไรมากไปกว่านี้ ไปเริ่มอ่านกันเลยว่าบริษัทนี้มันจี๊ดจ๊าดมีจุดยืนขนาดไหนกัน
ธุรกิจของ Vital Farms - ตัวกลางรับไข่จากฟาร์มไก่มาทำแบรนด์ขายราคาพรีเมียม
Vital Farms บริษัทไข่ไก่มีความสุขซึ่งเป็นไข่ออร์แกนิคจากแม่ไก่ที่เลี้ยงในทุ่งให้วิ่งเล่นตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า Pasture-Raised Eggs เรื่องราวนี้เริ่มขึ้นค่อนข้างบังเอิญเมื่อปี 2007 โดย Matt O’Hayer และภรรยา ลองเลี้ยงแม่ไก่ 20 ตัว ในทุ่งที่เมือง Austin รัฐ Texas ด้วยแนวคิดที่ต้องการเลี้ยงไก่ไข่ในสภาพแวดล้อมที่มีมนุษยธรรมต่อสัตว์มากกว่าที่ทำกันในอุตสาหกรรมอาหารและสอนเกษตรกรให้ใช้แนวคิดนี้เช่นกัน (เพราะแม่ไก่ไข่ 2 ตัวแรก ช่วยออกมาจากฟาร์มที่ขังกรง แล้วเห็นว่าแม่ไก่ไม่เข้าใจการใช้ชีวิตในทุ่งกว้าง)
หลังจากขยายฟาร์มของตัวเองและยังมีความต้องการในตลาดอยู่ ทาง Matt O’Hayer จึงขยายกำลังการผลิตโดยหาฟาร์มอื่นๆ ที่เลี้ยงไก่ไข่ในทุ่งเหมือนกัน ซึ่งจะเรียกว่า Family Farms และตอนนี้มีแล้วกว่า 350 ฟาร์ม โดยบริษัทจะทำสัญญาระยะยาวหลายปีเพื่อซื้อไข่จากฟาร์มเหล่านั้น
Family Farms ของบริษัทจะอยู่ในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ที่บริษัทให้ชื่อว่า Pasture Belt ซึ่งช่วงฤดูหนาวไม่รุนแรงเหมือนตอนบนของประเทศ ทำให้แม่ไก่ไข่กินหญ้าได้ตลอดทั้งปี (อิ่มหนำสำราญ) และคุณภาพของไข่ได้มาตรฐานอยู่ตลอดเวลา
บริษัทใส่ใจต่อที่มาของสินค้าและประสบการณ์ของลูกค้ามาก โดยมี QR Code ข้างบรรุภัณฑ์ให้ลูกค้าสแกนดูว่าไข่มาจากฟาร์มไหน และดูวิว 360° พร้อมเสียงของฟาร์มนั้นได้ด้วย
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าแค่เลี้ยงไก่ไข่ในทุ่งก็ติดฉลากว่า Pasture-Raised Eggs แล้วเหรอ? แต่จะเรียกแบบนี้ได้จริงๆ ต้องมีการรับรองจากองค์กรที่ 3 ว่าแม่ไก่สามารถออกมายังพื้นที่กลางแจ้งได้ สามารถเดินอย่างอิสระ มีพื้นที่ต่อจำนวนแม่ไก่ตามเกณฑ์ และต้องหมุนเวียนแม่ไก่ไปหาอาหารในทุ่งอื่นด้วย
บริษัทก้าวไปอีกขั้น ออกสินค้าไข่ไก่ Organic ซึ่งการจะใช้คำว่า Organic Eggs ต้องได้รับการรับรองจาก USDA ว่าแม่ไก่ถูกเลี้ยงในทุ่ง และต้องถูกเลี้ยงโดยปราศจากยาฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช หรือปุ๋ย และได้รับอาหาร Organic ที่ไม่มีสารเคมีเจือปน รวมไปถึง Restorative Organic Pasture-Raised Eggs, True Blue Heirloom Eggs
นอกจากนี้ Vital Farms มีสินค้าไข่ Pasture-Raised ต้มสุก, ไข่ Organic ต้มสุก, ไข่เหลวใส่กล่องพร้อมใช้ (Liquid Whole Eggs)
ด้วยกำลังผลิตไข่จากฟาร์มกว่า 350 แห่ง บริษัทเลยสร้าง Egg Central Station จัดการทุกอย่างตั้งแต่รวบรวมไข่จากฟาร์ม คัดแยกเกรด ทำความสะอาด แพคไข่ลงกล่อง แล้วส่งไปขายทั่วประเทศสหรัฐฯ
Vital Farms ขายสินค้าผ่านร้านค้าทั่วสหรัฐฯ กว่า 24,000 ร้าน บริษัทแบ่งช่องทางขายออกเป็น 3 ช่องทาง คือ
1.) Food คือ ร้านประเภท Supermarket, ร้านขายของชำ รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่
2.) Mass คือ ร้านขายส่ง ขายของจำนวนมาก เช่น Target และ Walmart
3.) Natural คือ ร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกรนิก เช่น Whole Foods
ข้อมูลเมื่อเดือน ม.ค. 2023 สัดส่วนรายได้จาก Food อยู่ที่ 53%, Mass อยู่ที่ 8% และ Natural อยู่ที่ 39% ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทอื่นในตลาดไข่พิเศษราคาพรีเมี่ยมแบบนี้จะมาจาก Food ที่ 61%, Mass ที่ 11% และ Natural ที่ 28%
จุดนี้ผู้บริหารมองว่าบริษัทมีโอกาสเร่งการเติบโตได้จากช่องทาง Food โดยจะเพิ่มทั้งปริมาณไข่ที่ขายในแต่ละร้านค้าพร้อมเพิ่มจำนวนร้านค้าที่เอาสินค้าของบริษัทไปขายด้วย
Q2/24 ราคาขายไข่ของ Vital Farms สูงกว่าไข่ไก่ทั่วไปประมาณ $4.94 ต่อโหล อันนี้อาจถือว่าปกติ แต่เทียบกับไข่ไก่พรีเมี่ยมด้วยกันก็ยังสูงกว่าประมาณ $2.19 ต่อโหล
ถ้าดูจาก Market Share แบบ Dollars ที่หมายถึงคิดส่วนแบ่งตลาดจากรายได้ และแบบ Units ที่วัดด้วยปริมาณไข่ที่ขายได้ จะเห็นว่าต่างเพิ่มกันทั้งคู่ แต่แบบ Dollars เพิ่มแรงกว่า อันนี้สะท้อนว่า Vital Farms ทั้งเป็นต่อเรื่องการขึ้นราคาขายและยังขยายตลาดขายสินค้าได้จำนวนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
และต้องบอกว่า Vital Farms ไม่ได้หยุดอยู่แค่ขายไข่ไก่แล้ว ตอนนี้ได้ขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์เนย ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเป็นวัว Pasture-Raised เปิดให้แม่วัวออกหากินอย่างอิสระในช่วงอากาศเหมาะสมซึ่งอยู่ประมาณ 200 วันต่อปี
ใน Q3/24 บริษัทมีรายได้จาก Eggs and egg-related products ที่ 95.2% และ Butter and butter-related products ที่ 4.7% ขายไข่เป็นหลัก ขายเนยเสริมด้วย อนาคตไม่แน่ว่าจะมีขายอะไรเพิ่มอีกไหม? แฮม? เบค่อน? หมูมีความสุข? ก็เป็นไปได้ครับ 555
การเติบโต - อุตสาหกรรมโตดี คนกำลังให้ Value กับ Brand อาหารที่ดีต่อใจ
รายงานจาก imarc เผยว่า Organic Food Market ของสหรัฐฯ ระหว่างปี 2024-2032 จะเติบโตปีละ 7.47% ซึ่งถือว่าน่าสนใจและเป็นโอกาสให้ Vital Farms ขยายการเติบโตทั้งในธุรกิจเดิมอย่างไข่ไก่และขยายไปยังสินค้าอาหารอื่น
ซึ่งบริษัทมีพื้นฐานและภาพลักษณ์ในด้านนี้ที่ดีอยู่แล้ว เพราะจากที่หาข้อมูลการจัดอันดับไข่ไก่ที่ดีที่สุด ก็พบว่า Vital Farms จะติดอันดับ 1 หรือ 2 อยู่เสมอ
ตอนนี้จะเห็นบริษัทเริ่มส่งสินค้าไปขายหน้าร้านค้ามากขึ้น ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่ดีโดยอาจเพิ่มการเป็นพันธมิตรกับร้านค้าใหญ่ด้านอาหาร Organic ซึ่งตอนนี้มี Whole Foods แล้ว แต่ยังมีเจ้าอื่น เช่น Sprouts Farmers
นอกจากขยายไปสินค้าอื่นแล้ว บริษัทต้องเริ่มเปิดตลาดนอกสหรัฐฯ แล้ว เพราะจากรายงานของ Verified Market Reports ชี้ว่าขนาด natural and organic food market ทั่วโลกระหว่างปี 2024-2030 จะเติบโต 14% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าในสหรัฐฯ
สุดท้ายบริษัทอาจเอาเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตและบริหาร supply chain มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบรรทัด Margin ได้ ที่สำคัญช่วยเลี่ยงผลกระทบในช่วงต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนแรงอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2022-2023 (ช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งแรงๆ)
งบการเงินและ Earning Call - โตสูงถึง 30%+ GPM ระดับพรีเมียม
Q3/24 บริษัทมีรายได้ $145 million เติบโต 31.3% (YoY) แต่ลดลง 1.6% (QoQ) การเติบโตหลักมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นซึ่งได้แรงหนุนความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขยายรูปแบบสินค้าและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าใหม่
รายได้จาก Eggs and egg-related products เพิ่มขึ้น 31% (YoY) ด้วยลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่มีความต้องการไข่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จาก Butter and butter-related products เพิ่มขึ้น 5% (YoY)
Gross Profit Margin อยู่ที่ 36.88% เพิ่มขึ้นจาก Q2/23 ที่ 33.20% แต่ลดลงจาก Q1/24 ที่ 39.81% โดย Margin เพิ่มจาก Benefit of scale บริหารต้นทุนการผลิตดีขึ้น และต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง (อาหารไก่, น้ำมัน, ค่าขนส่ง)
ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ $36.1 million เพิ่มขึ้น 40.3% (YoY) ทีนี้ไปดูกันที่อัตราส่วน SG&A / รายได้ พบว่าอยู่ที่ 24.9% โดย Q3/23 อยู่ที่ 22.7 ส่วนนี้เพิ่มขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายผู้เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายพนักงานและการตลาดเพิ่มขึ้น
ได้ Net Income ที่ $16.3 million เพิ่มขึ้นจาก Q2/23 ที่ $6.7 million แต่ลดจาก Q1/24 ที่ $19.0 million การฟื้นจากปีที่แล้วโดยหลักมาจากรายได้เพิ่มขึ้น และบริหารต้นทุนสินต้าดีทำให้เพิ่มตั้งแต่บรรทัด Gross Profit Margin ส่วน Net Income Margin อยู่ที่ 11.09% เพิ่มขึ้นจาก Q2/23 ที่อยู่เพียง 6.28% และลดลงเล็กน้อยจาก Q1/23 ที่ 12.86%
Valuation - Valuation Premium แต่ธุรกิจก็โตดีกว่าตลาดจริงๆ
อัตราส่วน P/E อยู่ที่ 33.4 เท่า ถ้าดูตั้งแต่ Q2/23 ที่ P/E ลงมาเทรดในกรอบปกติ ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 40.2 เท่า ถือว่าแพงหน่อยแต่ก็ไม่หลุดโลก ทีนี้ลองเทียบกับธุรกิจอาหาร Organic กันหน่อย
ก็จะมี Post Holdings เทรด P/E ที่ 20.8 เท่า และ Hormel Foods เทรด P/E ที่ 22.4 เท่า แต่ทั้งคู่มีสินค้าหลากหลายกว่า Vital Farms มองมุมความหลากหลายเพิ่มเข้าไปก็อาจพอจะบอกได้ว่า Vital Farms ไม่ถึงกับถูก แต่ยังไม่แพงมากเกินไป
แต่ๆ...จากการเปิดเผยงบ Q3/24 มีจุดที่อาจบอกได้ว่า P/E นี้ ราคาคงรับข่าวไปพอสมควรแล้ว เพราะผู้บริหารเผยว่าครึ่งหลังของทุกปีมักมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มจากครึ่งแรกของปี นอกจากนี้ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าโมเมนตัมรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะดำเนินต่อไปใน Q4/24 อีกทั้งปี 2025 จะเริ่มมีค่าใช้จ่ายลงทุน Seymour facility ที่จะเปิดดำเนินการในปี 2027
ความเสี่ยง - ขายของกำไรดีกว่าคนอื่น แต่ยังคงต้องบริหารจัดการต้นทุนให้ดีเช่นกัน
ตลาดนี้มีทั้งโอกาสและ Margin ที่น่าสนใจ ทำให้มีคู่แข่งเดิมในวงการระดับเป้งๆ เช่น Pete and Gerry’s Organic Egg, Farmers Hen House Eggs, Happy Egg และยังมีบริษัทไข่ไก่ปกติที่พร้อมออกสินค้า Organic มาแข่งในตลาดนี้ เหมือนบริษัทในบ้านเราที่มีไข่ไก่ Cage Free
นอกจากคู่แข่งร่วมวงการแล้ว ต้องติดตามการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจลดอาหารจากสัตว์ เลี่ยงไขมันคลอเลสเตอรอล ไปเน้นอาหาร Plant-based และแน่นอนว่าก็ไม่ลืมที่จะมี Plant-based ทดแทนไข่ไก่แล้ว
ประเด็นที่เห็นเลยว่าต้องรีบจัดการ คือ ต้นทุนอาหารแม่ไก่และที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ถ้าไปดูตั้งแต่ Q4/21-Q4/22 ที่เป็นช่วงเงินเฟ้อสูง ต้นทุนก็เพิ่ม ถึงจะเพิ่มราคาขายแล้วก็ตาม แต่ยังเห็นชัดเลยว่า Gross Profit Margin จากที่เคยอยู่ที่ 34-36% ลดมาที่ 25-32% ผลจากการขึ้นราคาเริ่มสะท้อนออกมาในปี 2023 ที่ Gross Profit Margin กลับมาฟื้นตัว
สรุป - Business Model ดี Story สวย การเติบโตมาต่อเนื่อง แต่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
Vital Farms มีจุดยืนและ Story ช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก เป็นเบอร์ต้นๆ ในตลาดไข่ไก่ขั้นพรีเมี่ยม ช่วยให้บริษัทตั้งราคาขายสูง ส่งผลดีต่อ Margin แต่มีความท้าทายเข้ามาอีกมากมาย ทั้งการบริหารต้นทุนภายใน คู่แข่งทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงการขยายตลาด
แต่ในอีกด้านบริษัทยังมีโอกาสให้ขยายตลาดไปทั้งสินค้าใหม่และต่างประเทศ ส่วน Valuation อาจรับข่าวดีไปแล้วส่วนหนึ่ง และเริ่มรับแรงกดดันต่อการทำกำไรที่จะเข้ามาหลังจากนี้ ดังนั้นอาจรอก่อนดูงบดูการทำกำไร แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีน่าจะเหมาะสมกว่า