หุ้น MBLY Mobileye Pure-Play เทรนด์รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ [Review]
บทความนี้ถือเป็นบทความแรกของทีมงานนะครับ จะเป็นการรีวิวหุ้นที่เน้นเนื้อหาไม่หนักเท่า Deep Dive แต่จะพอให้ได้ข้อมูลสามารถเอาไปต่อยอดกันได้ครับ ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้ในคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ทีมงาน Trendlongtun ด้วยนะครับ :-)
ปัจจุบันพวกเรากำลังเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า สมรภูมินี้นับวันยิ่งมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น ซึ่งอีกคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Car) Tesla เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เหล่าบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ยุคเก่าก็กำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเช่นกัน
เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ แบ่งเป็น 6 ระดับ คือ
ระดับ 0 No Automation : ไม่มีระบบช่วยเหลืออะไรเลย
ระดับ 1 Driver Assistance : มีฟังก์ชั่นบางอย่างช่วย เช่น ควบคุมพวงมาลัย ควบคุมคันเร่ง ระบบเตือนขับเบี่ยงเลน
ระดับ 2 Partial Automation : เรียกอีกอย่างว่า Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) จะมีระบบควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในเลน ควบคุมความเร็ว ระบบเบรกฉุกเฉิน หลบสิ่งกีดขวาง คนขับยังต้องดูการขับขี่และควบคุมการขับได้ทุกเวลา
ระดับ 3 Conditional Driving Automation : เป็นระดับที่เข้าถึงคำว่าขับขี่อัตโนมัติ สามารถแซง เบรก เลี้ยวได้ด้วยตัวเอง คนขับทำอย่างอื่นได้แต่ก็ต้องควบคุมรถในบางสถานการณ์
ระดับ 4 High Driving Automation : ระบบขับเคลื่อนรถอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ต้องให้คนขับควบคุมในบางสถานการณ์หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ระดับ 5 Full Driving Automation : ไม่ต้องการคนขับอีกต่อไป ระบบสามารถทำทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้
การขับขี่อัตโนมัติมาพร้อมเทคโนโลยีชิปประมวลผล ระบบ cloud เก็บและส่งข้อมูลการขับขี่ เซนเซอร์ตรวจจับ ซึ่งมีบริษัทหนึ่งที่กำลังเติบโตมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นซัพพลายเออร์ระบบขับขี่อัตโนมัติให้กับรถยนต์ทั่วโลก ชื่อว่า Moblieye (MBLY)
แต่ก่อนจะไปรู้จักกับบริษัทนี้ ขอพาไปรู้จักระบบเซนเซอร์ที่ใช้กับระบบขับขี่อัตโนมัติกันอีกสักนิด
Camera : ใช้กล้องและเซนเซอร์ตรวจสิ่งของให้เห็นทั้ง 360° ก็จะได้มุมมองเหมือนมีคนขับ แต่มีข้อเสียเมื่อเจอสภาพอากาศไม่ดี เช่น ฝน หมอกหนา หิมะตก
Radar : ใช้คลื่นวิทยุตรวจจับ วัดระยะ และความเร็วสิ่งของ แม้ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศ แต่สามารถตรวจจับสิ่งของได้เพียงแนวราบ ยังไม่สามารถตรวจจับความสูงของสิ่งของ
Lidar : ใช้เลเซอร์ตรวจจับสิ่งของ 360° สร้างภาพแบบ 3 มิติ แต่มีอุปสรรคด้านราคาวัตถุดิบที่สูง และถ้ามีหิมะหรือฝนก็เป็นอุปสรรคในการตรวจจับสิ่งของ
ธุรกิจของ Mobileye
Mobileye บริษัทสัญชาติอิสราเอล มี Intel เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (บริษัทลูกของ Intel) เข้า IPO ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นบริษัททำระบบขับขี่อัตโนมัติให้บริษัทยานยนต์ทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นหุ้น Pure play Autonomous vehicle
Mobileye มีจุดเด่นในการเป็น End-to-End solution ให้บริการลูกค้าครบวงจรตั้งแต่ชิปประมวลผล เซนเซอร์ จนถึงระบบแผนที่ โดย Mobileye ใช้ TSMC ผลิตชิปประมวลผลให้
ชิปมีชื่อว่า EyeQ เป็น System-on-Chip รวมทั้งระบบไว้ที่ชิปตัวเดียว มีหลายรุ่นสำหรับการขับขี่อัตโนมัติแต่ละระดับ เช่น EyeQ6 Light สำหรับระดับ 1-2, EyeQ6 High สำหรับระดับ 2+/3 และ EyeQ ULTRA สำหรับระดับ 4
ปัจจุบัน Mobileye มีรายได้จากการขายระบบ ADAS (เทียบเท่า Autopilot ของ Tesla) กว่า 99% ส่วนอีกผลิตภัณฑ์ที่กำลังพัฒนาเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์หลัก คือ SuperVision ซึ่งสร้างรายได้เพียง 1% หมายมั่นให้ขึ้นเป็นการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (ระดับ 4-5)
Moblieye มีการทำข้อมูลแผนที่เพื่อส่งให้รถขับขี่อัตโนมัติได้ มีชื่อว่า REM (Road Experience Management)
ด้วยการทำแผนที่ทั่วโลกใช้ข้อมูลจากรถที่ติดตั้งระบบ ADAS ของบริษัท ส่งข้อมูลกลับมาที่ Mobileye จากนั้นเรียบเรียงสร้างแบบจำลองระบุข้อมูลสิ่งของ ส่งไปเก็บไว้ที่ Moblieye Roadbook รถยนต์ที่ใช้ระบบของ Mobileye ก็ดึงข้อมูลจาก Roadbook มาใช้ได้ ระบบนี้สามารถ scale ง่าย แผนที่อัพเดตเกือบตลอดเวลา
การเติบโต
ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อระบบ ADAS ถึงปี 2030 ทั้งหมด 17.3 billion ในจำนวนนี้เป็น SuperVision ถึง 3.5 bililon ระบบ ADAS มีอัตราการใช้งาน (penetration) ในยานยนต์ผลิตใหม่ถึง 60% ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสให้เติบโตอีกมาก
ส่วนระบบ SuperVision แม้มีส่วนกับรายได้ราว 1% แต่กลับมีส่วนกับการเติบโตของรายได้ปี 2022 ถึง 1 ใน 3 อนาคตค่อนข้างแน่นอนว่า SuperVision จะก้าวขึ้นมามีสัดส่วนกับรายได้อีกมหาศาล
โดยจากรายงานผลประกอบการ Q1/2023 ทำให้คาดว่า SuperVision จะถูกปล่อยสู่ตลาดยานยนต์มากขึ้นชัดเจนอย่างเร็วก็ 2H/2023 หรือไม่ก็ปี 2024 ทีนี้แหละก็ยิงกันยาวๆไปเลย
มีการเผยว่าเตรียมเปิดตัวระบบ SuperVision ในประเทศจีนด้วยแบรนด์ Zeekr ในปี 2024 ส่วนปี 2024-2025 มีแผนเปิดตัวรถยนต์ส่วนบุคคลที่ขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ได้
นอกจาก SuperVision แล้ว Mobileye ยังมีเทคโนโลยีเหนือกว่าที่กำลังพัฒนา ชื่อว่า Chauffer ซึ่งจะล้ำไปถึงการขับขี่ระดับ 5 เช่นเดียวกับ Drive ที่ใช้สำหรับ Tele-Operations แต่ยังอยู่ในขั้นตอน R&D
ด้าน Average Solution Price (ASP) ตอนนี้อยู่ที่ราว 50$ คาดกันว่าจะทยอยเพิ่มไปเป็น 100$ จุดนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ SuperVision ถูกเข็นออกตลาดมากกว่านี้ และจะส่งผลดีต่อ Gross Profit Margin
งบการเงินและ Earning Call
Q1/2023 มีรายได้ 458 million เพิ่มขึ้น 16% (YoY) Gross Profit Margin อยู่ที่ 45.2% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก Q1/2022 แต่ลดลงจาก Q4/2022 ซึ่งเกิดจากค่าเสื่อมของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
รายได้ 4 ไตรมาสย้อนหลังเป็นดังนี้
2Q22 460 ล้านดอลลาร์ +16.7% (QoQ)
3Q22 450 ล้านดอลลาร์ -2.17% (QoQ)
4Q22 565 ล้านดอลลาร์ +58.7% (YoY), +25.5% (QoQ)
1Q23 458 ล้านดอลลาร์ +16% (YoY), -18.9% (QoQ)
Average System Price (ASP) เพิ่มขึ้นมาเป็น 53.9 ดอลลาร์ จาก Q1/2022 ซึ่งอยู่ที่ 51 ดอลลาร์ จาก volume ขาย SuperVision ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว อนาคตถ้า SuperVision เข้ามามีสัดส่วนกับรายได้มากขึ้น ASP ก็มากขึ้นตาม Gross Profit Margin ก็จะเพิ่มเช่นกัน
กำไร 4 ไตรมาสย้อนหลังเป็นดังนี้
2Q22 -7 ล้านดอลลาร์ +88.3% (QoQ)
3Q22 -45 ล้านดอลลาร์ -542.85% (QoQ)
4Q22 30 ล้านดอลลาร์ +156.6% (YoY), +166% (QoQ)
1Q23 -79 ล้านดอลลาร์ -31.66% (YoY), -363% (QoQ)
เอาเป็นว่าตอนนี้ Stage ของบริษัทยังไม่ควรดูที่รายได้หรือกำไรสุทธิ ควรดูที่ยอด Booking และช่วงเวลาที่จะบันทึกลงเป็นรายได้ เพราะเป็นจังหวะที่บริษัทกำลังพึ่ง Ramp Product และระบบใหม่
ยิ่งยอด Booking โตมากขึ้นเท่าไหร่ แปลว่าบริษัทยิ่งมีงานรออยู่ข้างหน้ามากขึ้นเท่านั้น และถ้างานที่ได้เป็นระบบ SuperVision ซึ่งยังน้อยมากๆอยู่กำไรจะดีขึ้นด้วยอย่างก้าวกระโดด
อีกเหตุผลก็เพราะช่วงนี้บริษัทกำลังเติบโต ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ถูกใช้กับการพัฒนา จะเห็นว่า R&D เทียบรายได้อยู่ที่ระดับ 40-50% โดยบริษัทเผยว่าผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาออกมาเพิ่งเริ่มสร้างรายได้
และดูจาก pipeline ทั้ง SuperVision และ Chauffer ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ต่อจากนี้ก็ยังต้องอดทนกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปก่อน
กลยุทธ์ Mobileye เลือกทั้ง Robotaxi และ Consumer AV
Mobileye ต้องการไปถึงการขับขี่อัตโนมัติระดับ 5 โดยไปทั้งทำ Robotaxi มีคู่แข่งทั้ง Waymo, Argo, Cruise, Aurora โดยมีแบรนด์ของตัวเองชื่อ Moovit และทำระบบให้ Consumer AV ให้บริษัทยานยนต์อื่น ซึ่งก็มีคู่แข่งของแข็งทั้ง Tesla และ Apple
ระบบ Robotaxi จะมีความต่างตรงที่อาจจะใช้ชิ้นส่วนระบบเยอะกว่า เพราะเป็น Robotaxi คันนึงอาจจะระดับ 4-5 ล้านไรงี้ แต่ถ้าเป็น Consumer AV ที่คนซื้อไปใช้เองต้องราคาถูกซึ่งเป็นแนวทางของ Tesla
สำหรับยอดจอง SuperVision ราว 3.5 billion เป็นยอดจองถึงปี 2028 ซึ่งจากการเปิดเผย Guidance ในผลประกอบการ Q1/2023 คาดว่าจะเห็นเข้ามาเป็นรายได้อย่างเร็วก็ 2H/2023 และพีคช่วงปี 2024-2026 ถึงตอนนั้นต้องมาดูว่ารายได้และ Gross Profit Margin จะเพิ่มอย่างคาดหรือไม่
ความเสี่ยง
ระยะสั้นจะเห็นจากที่ CEO เผยว่าความต้องการรถยนต์ EV ในประเทศจีนลดลง จากการตัดราคากัน รัฐบาลอุดหนุนน้อยลง และเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนลูกค้าปัจจุบันอื่นก็รับผลกระทบเช่นกัน ภาพรวมก็เลยต้องปรับลดประมาณการการส่งมอบ SuperVision ในปีนี้
สิ่งนี้ชี้ชัดว่า SuperVision ก็ยังเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงจากวัฏจักรเศรษฐกิจ การแข่งขันในตลาดรถยนต์ EV ที่นับว่ายังใหม่ ในอนาคตอาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมได้
ส่วนระบบขับขี่อัตโนมัติของ Mobileye ซึ่งไม่ได้ใช้ Real-World footage อาจเป็นรอง Tesla โดยเฉพาะกรณี Edge case ที่ไม่ใช่ Edge case จริง รวมถึงต้อง Maintance ระบบตลอดเวลา และการใช้ทั้งระบบ Camera, Radar และ Lidar ทำให้ใช้เซนเซอร์เยอะมากและชิปประมวลผลก็ต้องเป็นระดับสูงตามด้วย
ก็ต้องดูกันต่อว่า Mobileye จะได้ลูกค้าจากกลุ่มไหนบ้าง ซึ่งก็ไม่แน่นะว่าอาจไม่เป็นรอง Tesla เพราะไม่ใช่ว่าของดีที่สุดจะขายดีที่สุด
ถ้านึกถึง Pure play Autonomous vehicle ก็ต้องนึกถึง Mobileye ซึ่งยังอยู่ในช่วง young growth เท่านั้น รายได้เริ่มเติบโต ยอด Booking สูง กำไรสุทธิยังแกว่งบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าพูดถึงเทรนด์ระบบขับขี่อัตโนมัติกับ pipeline การพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
ระยะต่อไป Mobileye ต้องส่ง SuperVision และ Chauffer ออกสู่ตลาดให้ได้ตามคาด เพื่อดันรายได้และอัตรากำไร ส่วนความเสี่ยงก็ยังเป็นเรื่องวัฏจักรเศรษฐกิจกับเทคโนโลยีที่ยังใหม่ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือคู่แข่งจากบริษัทยานยนต์ที่มีแผนทำรถขับขี่อัตโนมัติเช่นกัน
_________________________________________________
สัมมนาออนไลน์ Trendlongtun Deep Dive Webinar
||||| AI COMMERCE |||||
_________________________________________________
1 สัมมนา กับหุ้น E-Commerce 13 ตัวเน้นๆ เจาะลึก Case-study การใช้ AI และเทคโนโลยีในการสร้างการเติบโต และปิดการขายให้ลูกค้าตาดำๆอย่างเราหมดตัวแบบไม่รู้ตัว !!!
AI Commerce เป็นสัมมนาภาคต่อจาก AI Maker นะครับ AI Maker = ผู้สร้าง AI ... AI Commerce จะเป็นฝั่งผู้นำไปใช้งานมากกว่าดังนั้นเนื้อหาจะไม่เหมือนกันแต่มีความเชื่อมกันครับ สามารถดูแยกกันเข้าใจได้ครับ .... ตอนแรกก็ไม่คิดจะทำเร็วขนาดนี้ เพราะพึ่งทำ AI Maker ไปเมื่อราวๆ 7-8 เดือนก่อน
แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าไม่รีบทำตอนนี้ ผ่านไปอีก 6 เดือนอาจจะไม่ต้องทำแล้วก็ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจจะแพงเวอร์ๆไปหมดแล้ว สุดท้ายได้ความรู้แต่จะเสียโอกาสการลงทุนดีๆไปต้องรออีกพักใหญ่ๆก็น่าเสียดาย ... อีกใจก็แอบรู้สึกอยากรองบ 2Q ออกก่อน แต่สัญชาติญาณมันบอกว่าอย่ารอเลย .... ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ผมรีบทำคอร์สนี้ก่อนคอร์สที่อยู่ในแผนครับ ใครสนใจมาจอยกันเชิญดูที่รายละเอียดด้านล่างได้เลยครับ
DAY 1 - MEGA-Commerce
10.00 - 10.30 ทำไมต้อง AI ทำไมต้อง E-Commerce
10.30 - 11.30 หุ้น AMZN Amazon & The Ecosystem เจ้าแห่ง E-Commerce และ Ecosystem ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
11.30 - 12.00 หุ้น WMT Walmart ผู้ท้าชิง E-Commerce การTurnaround ของ "อดีตราชา" แห่งวงการจะทำได้ไหม?
พักเที่ยง
13.00 - 14.00 หุ้น SE Sea Limited เจ้าของ Shopee เจ้าแห่ง "SEA"-Commerce
14.00 - 15.00 - หุ้น PDD Pinduoduo ผู้นำตลาดนัดออนไลน์ บุกตลาดสหรัฐฯ
พัก 30 นาที
15.30 - 16.30 - หุ้น MELI เจ้าแห่ง E-Commerce ใน Latin America
16.30 - 17.00 - Q&A
DAY 2 - STAR-Commerce
10.00 - 11.00 - หุ้น SHOP Shopify ศูนย์กลาง E-Commerce ของร้านค้าทั่วโลก โตด้วยเทรนด์ Direct to Consumer
11.00 - 12.00 - หุ้น AFRM เมื่อมี Commerce ต้องมี Payment การ Turnaround ของ ผู้นำ Buy Now Pay Later
พักเที่ยง
13.00 - 14.00 - หุ้น CHWY ร้านขายอาหารสัตว์ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด
14:00 - 15:00 - หุ้น STNE ม้ามืดของวงการ Commerce
พัก 30 นาที
15.30 - 16.30 - Alibaba Ecosystem แถมหุ้นที่ยังไม่เข้าตลาด ให้เอาข้อมูลไปตัดสินใจกันครับ
Cainiao ธุรกิจ 4PL Smart Logistic Platform
AliCloud Cloud ตัวท๊อปของเมืองจีน กับตลาด Cloud ที่กำลังกลับมาเติบโต
Lazada หัวหอกการเติบโตในระดับโลกของ Alibaba
Ant Financial Platform การเงินที่กำลังจะกลับมาเข้าตลาดอีกครั้ง
16.30 - 17.00 - Q&A
==============================
รายละเอียดงานสัมมนา
งานจัดวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 และวันที่ 5 สิงหาคม 2566
เวลา 10.00 น. - 17.00 น.
สัมมนา 2 วัน ออนไลน์ 100% มีคลิปให้ดูย้อนหลังได้ตลอดไปครับ
จัดปีละครั้ง รับจำนวน 50 ที่นั่ง สำหรับรอบราคาพิเศษครับ
ราคาพิเศษเฉพาะการจองก่อนงานสัมมนาครับ หลังงานสัมมนาจะเป็นราคาปกติครับ
สไลด์ 500+ หน้า คัดเนื้อๆ มีทั้งเนื้อหาการใช้งาน การวางกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทครับ
คอร์สนี้คือโอกาสสุดท้ายในการเข้ากลุ่ม Facebook Supporter และดูสัมมนารายเดือน Trendlongtun Deep Dive แบบฟรีเป็นเวลา 2 ปี กลุ่มจะใช้ในการสอบถาม Update ข่าว และมีสัมมนา Update หุ้นเทคโนโลยีที่น่าสนใจรายเดือนให้ฟรีทุกเดือนครับ (ตอนนี้มีคลิปวิเคราะห์หุ้นต่างประเทศและความรู้พื้นฐานต่างๆให้ดูแล้วกว่า 30 คลิป เช่นหุ้น TSLA, GLBE, RBLX, BYD, BABA, UPST, MBLY, AMD, NVDA เป็นต้น)
สิทธิในการเข้าร่วมสัมมนา Online ประจำปี "Trendlongtun 2024 Star Preview" และพอร์ตลงทุนหุ้นที่น่าสนใจในปี 2024 ครับ (สำหรับสัมมนาเก่าปี 2023 สามารถเข้าดูได้เลยในระบบครับ)
ลงทะเบียนจองสิทธ์และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือกดที่ปุ่มด้านล่างได้เลยครับ
_________________________________________________
หรือถ้าอยากสอบถามข้อมูลเพิ่ม IB เพจ Trendlongtun ได้เลยครับ → https://m.me/trendlongtun?ref=av_ev
หรือ ADD Line แล้วถามได้เลยครับ https://line.me/ti/p/@trendlongtun
_________________________________________________