หุ้น FSLY กับเทรนด์การเติบโตของ Edge Computing [Review]
ทุกวันนี้โลกอินเตอร์เน็ต แอพพลิเคชั่น เวปไซต์ พัฒนาไปไกลมาก ยิ่งเข้ายุคที่มี 5G, IoT ผู้ใช้งานยิ่งเข้าถึงข้อมูลในแอพพลิเคชั่นหรือเวปไซต์รวดเร็วยิ่งขึ้น ในทางกลับกันการโหลดข้อมูลมาถึงผู้ใช้ให้ทันการใช้งานก็สำคัญไม่แพ้กัน
ด้วยปริมาณข้อมูลที่มากขึ้นรวมถึงระยะทางระหว่างจุดเก็บข้อมูลหรือประมวลผล ทำให้อาจไม่ตอบโจทย์การใช้งาน เทคโนโลยี Edge Computing จึงกลายเป็นกระแสในระยะหลัง
Edge Computing เป็นการเอาการประมวลผลหรือแหล่งเก็บข้อมูลไปไว้ใกล้กับแหล่งที่ต้องใช้ (ผู้ใช้) แทนการดึงข้อมูลหรือส่งข้อมูลทุกอย่างจากผู้ใช้ไปกลับจากศูนย์กลาง (Cloud) เพียงแแหล่งเดียว ช่วยให้ลดเวลาที่ต้องใช้ส่งข้อมูลไปกลับ มีความปลอดภัยสูงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ Developer จัดการทรัพยากรการประมวลผลได้อย่างยืดหยุ่น
ในอนาคตยิ่งมีเทคโนโลยี 6G, รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, IOT ใช้กันทุกครัวเรือน, เทคโนโลยีในโรงงานมีความทันสมัยมากขึ้น ความต้องการการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งมากขึ้น
Precedence Research เผยว่าปี 2022 ขนาดตลาด Edge Computing อยู่ที่ $44.53 billion จะเพิ่มไปที่ $116.5 billion ภายในปี 2030 คิดเป็นการเติบโต 12.46% ต่อปี
ธุรกิจของ Fastly
Fastly ก่อตั้งเมื่อปี 2011 ทำธุรกิจให้บริการ Cloud Computing ซึ่งเป็นเครือข่ายประเภท Edge Computing ที่ช่วยให้ Developer ขยายเครือข่ายการประมวลผลให้ใกล้กับผู้ใช้มากที่สุด บริษัทมีโมเดลรายได้แบบ Usage-based ซึ่งลูกค้าจ่ายเงินค่าใช้บริการตามกำลังประมวลผลที่ใช้
จุดเด่นที่สุดของการใช้ Edge Computing คือ บริษัทที่ใช้บริการสามารถขยายธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วง่ายขึ้น
Fastly ดำเนินธุรกิจ Edge Computing บนโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่า Points of Presence (POP) เป็นการกระจายจุดประมวลผลไปให้ใกล้ผู้ใช้มากที่สุด
สำหรับลูกค้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นหรือเวปไซต์ประเภทรูปภาพ วิดีโอ คอนเทนต์ ก็จะใช้บริการประเภท cloud content delivery network (CDN) ส่วนลูกค้าประเภทที่ต้องการการประมวลผล เช่น บริการการเงิน, ธุรกิจท่องเที่ยว, ค้าปลีก ก็จะเป็นประเภทที่ชื่อว่า Compute@Edge
ยกตัวอย่างจากรูปข้างบน ลูกค้าทำธุรกิจท่องเที่ยว มีผู้ใช้จากหลายประเทศต้องการเข้าเวปไซต์เพื่อใช้ส่วนลด คำขอใช้ส่วนลดก็จะถูกส่งเข้าระบบ Edge Computing ที่ใกล้สุด เพื่อประมวลผล ซึ่ง Fastly ยังช่วยให้ Developer ที่เขียนเวปไซต์ตั้งโปรแกรมได้ว่าจะให้คำขอถูกส่งไปประมวลผลที่ Edge Computing จุดไหนที่ใกล้ หรือยังมีกำลังประมวลผลเหลืออยู่ได้อย่างยืดหยุ่น
ปัจจุบัน Fastly กระจาย POP ครอบคลุมทั่วโลก มีแผนขยายและอัพเกรดต่อ รายงานผลประกอบการ 2Q23 บริษัทมีรายได้ 92% จากลูกค้าประเภทบริษัท (Enterprise)
การเติบโต
การเติบโตในอนาคตหนุนด้วยกระแสการใช้เทคโนโลยีที่ต้องการความเร็ว ทำให้อุตสาหกรรม Edge Computing ยังมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น ซึ่ง Fastly ก็ได้อานิสงส์นั้นไปด้วย
แน่นอนว่าการเติบโตที่น่าสนใจแบบนี้ ย่อมมีคู่แข่งเข้ามาร่วมวง แต่ Platform ของ Fastly มีจุดเด่นดึงดูดลูกค้า ตรงที่มีความยืดหยุ่นเปิดให้ developer เขียนโปรแกรมตอบโจทย์ธุรกิจมากกว่า (Cloudflare ที่เป็นคู่แข่ง จำกัดการเขียนโปรแกรมมากกว่า) แถมอนาคตมีแผนจะเพิ่มภาษาเขียนโปรแกรมมากขึ้น
ส่วนทีมการตลาดก็เข้าไปเจาะกลุ่ม Developer ตามงานอีเว้นท์เพื่อหาความต้องการของลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
Fastly มีกลยุทธ์เปิดให้ Developer ที่สมัครสมาชิกใช้งาน Platform ฟรี แน่นอนว่าช่วยให้ลูกค้าได้ทดลองว่าตรงความต้องการหรือไม่ แต่จริงๆแล้วกลยุทธ์นี้ยังช่วยให้เกิดการบอกต่อในกลุ่ม Developer เป็นการทำการตลาดไปในเวลาเดียวกัน
งบการเงิน
2Q23 FSLY มีรายได้ $122 Million โต 20% YoY 4% QoQ โดยบริษัทยังขาดทุนอยู่ที่ -$10 Million แต่ต้องถือว่าดีขึ้นมากจาก 1Q23 ที่ผ่านมาขาดทุนสูงถึง -$44 Million
โดยถ้าดู Non-GAAP จะเห็นว่าขาดทุน -$4 Million เท่านั้นปริ่มๆกำลังจะกลับมามีกำไรแล้ว สาเหตุที่ขาดทุนน้อยลงมาจากการเติบโตของรายได้ที่กลับมาเติบโตดีขึ้น
GPM ดีขึ้นอยู่ที่ 56.6% เพิ่มขึ้น 6% จากปีที่ผ่านมา จากการควบคุม Fix Cost ที่ดี รวทไปถึง SG&A ก็สามารถควบคุมได้ดีมาก ทำให้อัตรากำไรสุทธิที่แม้จะขาดทุนแต่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถ้ายังสามารถ Keep Momentum การเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวกำไรมาเองครับ
DBNER (Dollar-based Net Expansion Rate) เริ่มโตอ่อนๆ อยู่ที่ 123% เพิ่มขึ้นจาก 1Q23 ที่ 121% บ่งบอกว่าลูกค้าเดิมของ FSLY เริ่มกลับมาใช้งานมากขึ้น (เคยอยู่ตำ่สุด 118% เมื่อ 1Q22)
จำนวนลูกค้าอยู่ที่ 3072 ลดลง 28 รายจาก 1Q23 แต่โตขึ้นจากปีที่แล้ว 47 ราย ลูกค้าบางรายมีการ Consolidation เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ Enterprise ที่มีจำนวน 551 ราย เริ่มเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น
สำหรับ Guidance 3Q23 ผู้บริหารคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ $125-128 million ส่วน Non-GAAP Opearting Loss จะอยู่ที่ -15 Million แย่ลงกว่าปัจจุบันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถือว่าแย่มาก ออกแนวทรงๆ
ความเสี่ยง
เป็นอุตสาหกรรมที่แข่งขันกับยักษ์ใหญ่วงการ Cloud เช่น Cloudflare, Google, Amazon โดยเฉพาะรายหลังที่มี AWS ครองอุตสาหกรรม Cloud ก็เน้นทำตลาดเดียวกับ Fastly ทั้ง CDN และ Edge Computing เจาะบริษัทขนาดเล็กและใหญ่ นี่ยังไม่รวมบริษัทอื่นที่ก็คงเล็งทำตลาดนี้ที่กำลังน่าสนใจเช่นกัน
นี่จึงเป็นความเสี่ยงหลักของ FSLY เพราะบริษัทเหล่านี้มีทุนหนา ทรัพยากรบุคคลพร้อมสำหรับการทำ R&D, ขยายจุด POP และหาลูกค้าใหม่ หรือแม้กระทั่งแย่งลูกค้าของ Fastly
เพราะจากพื้นฐานเทคโนโลยีและผลประกอบการ ชี้ไปทางเดียวกันว่าอุตสาหกรรมนี้ต่อยอดจากเทคโนโลยี Cloud ที่มีอยู่แล้ว การแข่งขันจึงเน้นไปที่การทำการตลาดและขยาย POP
เรื่องลูกค้ารายใหญ่ย้ายหรือถูกแย่ง เกิดขึ้นมาแล้วจากการที่ Tiktok หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของ FSLY เคยใช้บริการและย้ายออกไป ทำให้บริษัทเสียรายได้ไปเยอะมาก หุ้นถึงกับลงหนัก
นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงจากสภาพเศรษฐกิจซบเซา ทั้งการใช้งานก็ลดลง ลูกค้างดแผนขยายธุรกิจ ซึ่งกระทบรายได้แน่นอน
สรุป
Fastly เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรม Edge Computing ที่กำลังนิยมมากขึ้น จากผลงานที่ผ่านมาบริษัทมีความแข็งแกร่งมากพอสู้กับแรงกดดันจากคู่แข่งที่ไม่ธรรมดาในวงการ โดยอาศัยจุดเด่นทั้งเทคโนโลยีและการตลาด
เทคโนโลยีช่วยลูกค้าขยายธุรกิจไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่นตอบโจทย์ Developer กลยุทธ์การตลาดพาแบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี ต่อจากนี้ Fastly ต้องเน้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นเพื่อเร่งขยายฐานลูกค้า
แต่อนาคตก็ต้องยอมรับว่าการแข่งขันน่าจะสูงขึ้น ทั้งจากคู่แข่งเดิมและยักษ์ใหญ่แห่งวงการ รวมถึงคู่แข่งหน้าใหม่ที่อาจเข้ามาร่วมวง นี่เป็นความท้าทายหลักของ Fastly
Metric ที่สำคัญของ FSLY จึงน่าจะเป็นจำนวนลูกค้าโดยรวมซึ่งที่ผ่านมาแทบไม่โตเลย และลูกค้า Enterprise โตบางๆประมาณ 10% ดังนั้นถ้าสนใจ FSLY ต้องติดตามอัตราการเติบโตของจำนวนลูกค้า และรายได้ให้ดีครับ