หุ้น NIO รถ EV ระดับ Luxury [Deep Dive]
เตรียมเปิดโรงงานผลิตรถ 1 ล้านคันต่อปี พร้อมแบตเตอรี่ 100 GWh บุกตลาดยุโรป ด้วยโมเดล Battery-Swap
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงทองของหุ้น EV ที่กำลังจะมีนโยบายรัฐในหลายๆประเทศออกมาสนับสนุน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ เลยทำให้หุ้น EV หลายๆตัวอย่าง Lucid (LCID) หรือ Rivian (RIVN) ที่ยังส่งมอบรถได้ไม่ถึง 1000 คันแต่ราคาหุ้นมีการวิ่งทะลุ 100 Billion ไปแล้ว
หันกลับมาดูหุ้น EV ในตลาดจีน มีหุ้น EV หลายตัวที่ส่งมอบรถไปแล้วเกิน 100,000 คัน เช่น XPEV, NIO, LI, BYD แต่ Market Cap ยังอยู่ในระดับ 50-100 Billion อีกทั้งตลาดรถยนต์ในจีนถือตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Adoption EV แม้จะไม่สูงเท่า Norway แต่ก็อยู่ในระดับ 20% แล้ว ตลาดใหญ่ โตเร็ว แต่ราคาหุ้นยังไม่แพง เพราะอะไร?
หุ้น EV ตัวอื่นๆแพงไป? Stage ของบริษัทที่ยังไม่ทำกำไร Generate Cashflow ได้น้อยกว่าก็ควรจะถูกกว่า เทคโนโลยีดีไม่เท่า หรือจะเป็นแค่ Pure China Discount? Deep Dive บทความนี้ผมพยายามจะใส่ตัวเลข Comparison ให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้เห็นภาพกันชัดๆว่าจริงๆแล้ว NIO เนี่ยมันถูกหรือจริงๆไม่ได้เป็นอย่างงั้น?
ทำไมต้อง NIO? ส่วนนึงมาจากที่ผมศึกษา Tesla มา ก็ลองมาหาดูว่าฝั่งจีนมีหุ้น EV ตัวไหนน่าสนใจบ้าง? ก็มาเจอ NIO รู้จัก Xpeng และ BYD Xpeng ผมเขียน Deep Dive ไปแล้ว ใครอยากตามไปอ่านตามลิงก์นี้ไปได้เลยครับ รอบนี้เลยเลือกเอา EV เจ้าใหญ่อย่าง NIO ที่ตรงข้ามกับ Xpeng ตรงที่ NIO เน้นตลาด Luxury แต่ Xpeng เน้น Mass
หุ้น NIO น่าสนใจยังไง?
NIO กำลังจะออกโมเดลใหม่ ET7 ซึ่งเป็นรถ Sedan ก่อนหน้านี้มีแต่ SUV
เป็นรถ EV ระดับพรีเมียมแบรนด์เดียวของจีน เทียบกับสหรัฐฯน่าจะเป็น Lucid ไม่ก็ Apple Car
แม้ตอนนี้ NIO จะไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง แต่ NIO กำลังสร้างยานแม่ NEO Park (นึกภาพ Apple Park แบบมีโรงงานผลิต) ซึ่งจะมีกำลังการผลิตรถสูงถึง 1 ล้านคัน และกำลังการผลิตแบตเตอรี่ที่ 100 GWh (มากกว่า CATL ที่เป็นเบอร์ 1 ประมาณ 20% ณ.กำลังการผลิตปัจจุบัน)
NIO เป็นเจ้าเดียวที่ทำระบบ Battery Swap ถือว่าเป็นจุดขายของรถ NIO ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ
เดือนตุลาคมที่ผ่านมา NIO ส่งมอบรถน้อยลงเยอะจากการปรับเปลี่ยนไลน์การผลิตเพื่อเตรียมผลิต ET7
ตอนนี้รถ EV ของ NIO ไม่ได้ขายแต่ในจีนแล้ว นโยบายรัฐบาลของจีนต้องการให้ EV จีนส่งออกไปทั่วโลก เราจึงได้เห็น NIO และ Xpeng ใน Norway แล้ว สถานีถัดไปคือยุโรป
Tencent ถือหุ้น NIO ประมาณ 10% แต่มี Voting Power 17.9% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยยะ
หนึ่งเดียวของบริษัทรถไฟฟ้าจีนที่ Elon Musk ทวีตสนับสนุนตอนส่งมอบรถครบ 100000 คัน NIO คงมีอะไรดีในสายตา Elon Musk บ้างละ ส่วน Xpeng คงไม่ใช่แนว 555 เพราะเคยมีข่าวไปก๊อป Code ของ Tesla มา
เป้า GP ที่ 25% ถ้าสามารถส่งมอบรถได้ 300000 คันต่อปี ปัจจุบันอยู่ที่เรท 130000 คันต่อปี Tesla มี OP เป็นบวกตอนส่งมอบรถ 360,000 คันในปี 2019 ที่ระดับ GP แถวๆ 20% (รวม Regulart)
ด้วยกำลังการผลิตของโรงงาน JAC (600418) ที่ Partner กับ NIO ตอนนี้ Support กำลังการผลิตอยู่ที่ 600000 คัน แปลว่าถ้า NIO ขายรถได้ 300000 คันจริงการส่งมอบไม่น่าเป็นปัญหา
หมายความว่าถ้าส่งมอบใกล้เคียง 300000 คันโอกาสที่ NIO จะมี OP เป็นบวกมีโอกาสไม่น้อย อาจจะ +- ซัก 20%
การมี OP เป็นบวกนั้นหมายความว่าบริษัทจะสามารถขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุนเพิ่มเติมแล้ว รัฐบาลก็ไม่ต้องอุ้มเยอะ ลดการพึ่งพิงรัฐบาลลง กองทุนที่จะเคยซื้อ NIO ไม่ได้เพราะขาดทุนก็จะเริ่มเข้ามาซื้อได้ ถึงตอนนั้น NIO คงส่งมอบรถขายต่างประเทศแล้ว Market Cap ตอนนี้ 66 Billion เทียบกับ Lucid ที่เป็น EV ในตลาด Luxury เหมือนกัน ส่งมอบรถได้ไม่ถึง 1000 คัน แต่ Market Cap สูงถึง 86 Billion
ความกังวลจากการกดดันของรัฐบาลจีนกับบริษัทเทคโนโลยีที่กำไรเยอะ แต่ทำธุรกิจไม่ตรงกับ Roadmap ของรัฐบาลเช่น บริษัทติวเตอร์ น่าจะ Settle กันได้จบ หุ้นจีนอาจจะเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง หุ้น EV จีนรอบนี้เองจริงๆก็ไม่ได้โดนกระทบหนักเท่าไหร่น่าจะมี Outlook ที่สดใสขึ้นเยอะ
NIO ทำอะไร?
NIO เป็น Start-up ผลิตรถไฟฟ้าครบวงจรแบรนด์ NIO โดยเริ่มต้นจากตลาดรถ SUV ก่อน รถของ NIO มีจุดเด่นที่มี Option ในการเลือก Battery-as-a-Service คือซื้อรถอย่างเดียวแล้วเช่าแบตเตอรี่เอา แบตเตอรี่สามารถเอาไป Swap ที่ Battery Swapping Station ได้ ทำให้ใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 นาทีในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แทนที่จะเป็น 15-20 นาทีถ้าเป็นการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม
ณ.ปัจจุบันรถของ NIO มีทั้งหมด 5 รุ่น
EP9 - รถ Supercar รุ่นแรกของ NIO
ES8 - รถ Premium Smart SUV 6-7 ที่นั่ง เริ่มส่งมอบรถตอนเดือนมีนาคม 2019 ราคาก่อน Subsidy อยู่ราวๆ $74000
ES6 - รถ High performance Premium Smart SUV 5 ที่นั่ง เริ่มส่งมอบรถตอนเดือนมิถุนายน 2019 ราคาอยู่ที่ $46000
EC6 - รถ Premium Smart Coupe SUV เริ่มส่งมอบรถตอนเดือนกันยายน 2020 ราคาอยู่ที่ $46000 เช่นกัน
ET7 - รถ Premium Smart Sedan 4 ที่นั่ง รุ่นล่าสุด จะเริ่มส่งมอบรถไตรมาส 1 ปี 2022 ราคายังไม่เปิดแต่เดาๆกันว่าแถวๆ $60000-70000
ET7 ถือเป็นอีก Model ที่ถือเป็น Game-Changer ของ NIO รุ่นนี้มี Drag Coefficient ที่ 0.208 ตัวเลขเดียวกันกับ Tesla Model S เป๊ะๆ ในขณะที่ P7 จาก Xpeng มี Drag Coefficient ที่ 0.236
NIO มีระบบ ADAS (Autonomous Driver-assistance systems) ชื่อ NIO Autonomous Driving (NAD) Version ล่าสุดจะถูก Launch ไปพร้อมๆกับรถรุ่นใหม่คือ ET7
NAD มาจากส่วนประกอบของ Super Computing Platform ชื่อ NIO Adam ใช้ Nvidia Drive Orine SoC และระบบ Super Sensing ชื่อ NIO Aquila ซึ่งมี Sensor 33 ตัว กล้อง Hi-Def 11 ตัว Ultra-Long-range LIDAR 1 ตัว RADAR 1 ตัว และ Ultrasonic Sensors อีก 12 ตัว
ที่น่าสนใจคือระบบ NAD เนี่ยจะเก็บเป็นค่าใช้บริการรายเดือนที่ราคา RMB680 หรือราวๆ เดือนละ $100 แถวๆ 3400 บาทต่อเดือนครับ เริ่มต้นช่วงต้นปี 2022 ถ้าเทียบกับ Xpilot3.5 ของ Xpeng ผมเข้าใจว่าเป็นการจ่ายครั้งเดียวไปเลยนะครับ แถวๆ $3900 ถ้าเป็น FSD ของ Tesla ก็ $10000
Battery-as-a-Service BAAS
ในมุมแบตเตอรี่ NIO ถือเป็นผู้นำประมาณนึงเลยล่ะ บริษัทกำลังจะมีโคตรแบตเตอรี่ขนาด 150 kWh ซึ่งจะเปิดตัว 4Q 2022 และเป็นบริษัทเดียวที่ให้บริการ Battery Swaping ข้อดีของ Battery Swapping คือทำให้ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบต แต่ข้อเสียระยะยาวคือต้องลงทุนกับระบบมาก และแบตเตอรี่ก็ชาร์จเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตความจำเป็นของการมีแท่น Swap Battery จะลดลง อย่างไรก็ตาม Battery Swap ในปัจจุบันถือเป็นจุดเด่นมากๆของ NIO ที่คนชอบ
Use-Case หนึ่งที่ Battery Swap ได้เปรียบมากๆเหนือ Battery Charge คือการใช้งานกับรถที่ต้องวิ่งตลอดเวลาเช่น รถตำรวจ รถส่งของ รถแท๊กซี่ ตอนนี้เลยเริ่มเห็นรถตำรวจของหน่วยงานรัฐบาลจีนบางแห่งเป็น NIO เพราะไม่เสียเวลาชาร์จ
https://thedriven.io/2021/11/23/china-police-department-selects-nio-battery-swap-evs-to-save-time/
บริษัทที่ให้บริการเรื่อง Battery คือบริษัทชื่อ Wuhan Weineng Battery Asset ซึ่งซื้อแบตเตอรี่จาก NIO มาให้บริการ Swaping NIO ถือหุ้นบริษัทนี้อยู่ 13.9% ร่วมกับ CATL, Hubei Science และ Guotai Junan
โดยถ้าลูกค้าใช้บริการ BaaS จะลดราคาค่ารถไปได้ราวๆ $10000-$190000 แล้วแต่ขนาดแบตเตอรี่และโมเดลรถ แล้วไปจ่ายค่าแบตเตอรี่รายเดือนแทนเดือนละ $150-$230 ในมุม Business Model และ Scalability BaaS อาจจะไม่ดีในระยะยาว แต่ในมุมผู้ใช้ผมว่าส่วนลดทันที $10000 นี่มีนัยยะเหมือนกันนะครับ ลดค่ารถไป 20-25% เลย ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมอีก
ยาวๆ NIO มีแผนจะเอาแผงโซลาร์ไปติดบน Power Swap Station กลายเป็นแบตเตอรี่ที่อยู่ใน Swaping Station ทั้งหมดจะชาร์จไฟได้ถูกลงเยอะมาก อาจจะมากกว่าเดิมถึง 70-80% ในขณะที่คิดค่าชาร์จไฟจากลูกค้าเท่าเดิม ธุรกิจ Power Swap Station ของ NIO จะกลายเป็นแหล่งทำเงินดีๆอีกธุรกิจนึงเลย
ตอนนี้ Power Swap Station อยู่ที่ Version 2.0 โดย 1 Station มีแบตเตอรี่ทั้งหมด 13 ชิ้น ใช้เวลาในการ Swap ต่ำกว่า 3 นาที ปัจจุบัน Swap Battery ไปแล้วมากกว่า 4 ล้านครั้ง ในเดือนตุลาคมปี 2021 (ตุลาปี 2020 Swap ครบ 1 ล้านครั้ง ปีเดียวเพิ่มมาอีก 3 ล้าน)
ปัจจุบัน NIO มี Power Swap Station แล้ว 504 สถานี จะมีครบ 700 ภายในปี 2021 และ 4000 ภายในปี 2025 แท่นชาร์จแบบ Supercharging 3125 แท่น ใน 438 จุด ในขณะที่ Xpeng เองก็มีจุด Supercharge 439 จุดใกล้เคียงกันกับ NIO ส่วน Tesla มีประมาณ 1000 จุด และประเทศจีนมีจุดชาร์จทั้งสิ้น 2.2 ล้านจุดเยอะที่สุดในโลก
ล่าสุด NIO พึ่ง Partner กับ Sinopec เพื่อตั้ง Power Swap Station ในปั๊มน้ำมันของ Sinopec ซึ่งมีมากกว่า 30000 ปั๊มทั่วประเทศจีน
รายละเอียดธุรกิจของ NIO ก็ประมาณนี้ มาดูในมุมของความแตกต่างกับ Xpeng กันต่อว่าต่างกันยังไงบ้าง?
NIO ต่างกับ Xpeng ยังไง?
Segment ของตลาด NIO เน้น Luxury / Premium Xpeng เน้นตลาดคนรุ่นใหม่ อารมณ์ Millenial ทั้งคู่เรียกรถตนเองเป็น Smart EV เหมือนกัน NIO เรียกเป็น Premium Smart
ผู้ถือหุ้น NIO เป็น Tencent backed Xpeng เป็น Alibaba backed
การทำการตลาด NIO เน้นเป็นการทำการตลาดแบรนด์ระดับบนด้วย NIO House นึกภาพ Apple Store เลยครับ ส่วน Xpeng เป็น Dealership ปกติเลย
ทั้ง NIO และ Xpeng เริ่มต้นจากตลาด SUV เหมือนๆกัน NIO เพิ่งจะเริ่มต้นมาทำ Sedan รุ่นแรกคือ ET7 ส่วน Xpeng ก็เพิ่งออก SUV ขนาดใหญ่ตัวใหม่ G9
ราคารถของ NIO จะแพงกว่า Xpeng ประมาณ $5000-$15000
ก่อนหน้านี้ NIO ไม่มีโรงงานของตนเองให้ JAC ผลิตให้ แต่ล่าสุด NIO เปิดแผนกำลังจะสร้าง NEO Park ซึ่งมีโรงงานผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่อยู่ในนั้นด้วย
การมาของ NEO Park จะทำให้ภาพของหุ้น NIO เปลี่ยนไป
ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า Business Model ของ NIO ไม่ได้มีแค่รถไฟฟ้า แต่เป็นธุรกิจ Consumer Energy ที่เน้นตลาด Premium NIO มีทั้งธุรกิจ Battery ที่คล้ายๆกับ Power Wall ของ Tesla มีธุรกิจ Power Station ที่จะกลายเป็นปั๊มไฟฟ้าของรถ NIO ทั้งหมดที่ให้ Recurring Income และ Margin ที่ดีมากๆ ธุรกิจ Autonomous Driving Software ที่ราคาออกมาแล้วเดือนละราวๆ $100 และสุดท้าย NEO Park ที่เป็นเหมือนเมือง Mega City (อารมณ์ Amata City แต่ของ NIO บริษัทเดียว) โดยทั้งหมดนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 8 Billion หรือประมาณ Gigafactory 1.5-2 โรง
เมื่อโครงการ NEO Park สร้างเสร็จจะมีพื้นที่ 17000 เอเคอร์ หรือราวๆ 42000 ไร่ !!! มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปีละ 1 ล้านคัน Supplier ทุกเจ้าจะเข้ามาอยู่ที่ NEO Park ด้วย ที่นี่จะถือเป็นโรงงานรถไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทำให้ NIO เป็นบริษัท EV อันดับ 2 ไม่ก็ 3 ของโลกในเชิงกำลังการผลิต รองจาก Tesla และ BYD
ถ้าขายรถได้ 1ล้านคันจริง สมมุติรายได้เฉลี่ยขายรถที่คันละ $60000 จะมีรายได้ 60 Billion Target GPM ของ NIO คือ 25% น่าจะได้ OPM ไม่น้อยกว่า 10% บอกลาขาดทุนได้เลยครับกำไรสุทธิน่าจะอยู่แถวๆ 5-6 Billion Forward P/E เทียบ Market Cap ตอนนี้ 66 Billion คือประมาณ 11-15 เท่า ไม่นับรวมธุรกิจอื่นๆเอาเฉพาะรถอย่างเดียว ไม่นับว่า NIO ขายรถ Luxury น่าจะกำไรดีกว่ารถ EV ธรรมดาทั่วๆไป และไม่นับรวมการเพิ่มทุนระหว่างทางซึ่งอาจจะเกิดขึ้น
แต่ๆอย่าลืมว่าปัญหาคือเฟสแรกของ NEO Park จะเสร็จปลายปี 2022 มี Capacity กี่คันก็ยังไม่บอก เสร็จทั้งหมดไม่รู้เมื่อไหร่ และมีกี่เฟสกันแน่ก็ยังไม่รู้ กว่าจะเสร็จหมดอาจจะ 3-5 ปีก็ได้ หรืออาจจะ 10 ปีไปเลยก็ได้นะ ถ้ารู้จะมาเขียนอัพเดทเพิ่มให้นะครับ
ระหว่างที่เขียนอยู่ที่มีข่าวใหม่มาจาก Poland ครับ ว่าตอนนี้บริษัทกำลังเริ่มรับสมัครพนักงานแล้ว ในรูปด้านล่างคือการรับสมัคร EU Plant Operation Manager คิดว่าในปีหน้านอกจากเรื่อง NEO Park แล้ว การไปขายยุโรปนี่แหละเป็น Catalyst ตัวใหญ่อีกตัวเลยครับ โดยตลาดที่คาดว่าจะเน้นคือเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สวีเดน
หุ้น NIO ในเชิงตัวเลข
สิ่งที่น่าจะ Matter สำหรับตลาดในตอนนี้น่าจะเป็นจำนวนการส่งมอบรถและยอดขายมากกว่า สำหรับบริษัทขนาดเล็กแบบ NIO ดังนั้นเรามาเริ่มด้วยการวิเคราะห์ตัวเลขการส่งมอบรถกันก่อนครับ
ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา NIO ทำจุดสูงสุดใหม่ของการส่งมอบรถที่ 10628 คันในเดือนกันยายน แต่หลังจากนั้นยอดส่งมอบตกลงมาเหลือ 3667 คันในเดือนตุลาคม ไม่ใช่รถ NIO ขายไม่ได้แต่เป็นเพราะโรงงานมีการหยุดปรับปรุง Line การผลิตเพื่อผลิตรถโมเดลใหม่คือ ET7 เลยทำให้ต้องหยุดโรงงานไป 2-3 อาทิตย์ ยอดส่งมอบรถในเดือนตุลาคมเลยน้อยกว่าปกติ เลยทำให้รายได้และกำไรของ NIO สะดุดนิดนึง จริงๆอันนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมนอกจากดู Xpeng แล้วเลยมาดู NIO ด้วยครับ
แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่แอบแฝงคือรถทุกรุ่นของ NIO ตอนนี้รุ่นใหม่สุดออกมาในปี 2020 แต่ Xpeng เพิ่งออก G3i Facelift เมื่อเดือนตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา และมีการ Launch G9 SUV Flagship ตัวใหม่ใน Spec จัดเต็ม มี Lidar ชาร์จ 200 กิโลแค่ 5 นาที (ใกล้เคียง Battery Swap มากๆ) ของ Xpeng อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ SUV ของ NIO ยอดตกก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน NIO เองก็มีประกาศว่าจะออกรถรุ่นใหม่ 3 รุ่นในปี 2022 หรือคนรอซื้อ รุ่นใหม่กันหมด? คงต้องรอดูยอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมครับ
[Update 1 Nov 2021]
สรุปยอดออกมาแล้วนะครับ NIO กลับมา Deliver ที่เดือนละ 10878 คัน เป็น New High แม้โตสู้ Xpeng และ LI Auto ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็น Sign ที่ดีครับว่า Demand ไม่ได้ถูกดึงแบบที่ผมคิดในด้านบน
เปรียบเทียบราคา NIO Xpeng และ Tesla จะเห็นว่าราคารถของ NIO ถือว่าสูงกว่าทั้ง Tesla และ Xpeng
อย่างไรก็ตามแม้ในเดือนตุลาคม NIO จะทำรายได้เติบโตได้น้อยกว่าที่คาดแต่ก็ยังเติบโตในระดับ 116% YoY 16% MoM และทำรายได้ All Time high
สิ่งที่น่าสนใจของ NIO อีกอย่างคือเรื่อง Vehicle Margin ที่ยังทำได้ในเรท 18% ใกล้เคียงกับ Tesla ในปี 2019 เลยทีเดียว
ส่วนที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่คือ Guidance การ Delivery รถของ NIO ในไตรมาส 4 ที่ให้ไว้แค่ 23500-25500 คันเท่านั้น หักเดือนตุลาคมที่ยอดโอนไม่ค่อยดีออกเหลือ 19900-21900 แปลว่าจะส่งมอบรถเฉลี่ยแค่เดือนละ 10,000 คัน? เท่าๆกับเดือนกันยายน? ถ้าเทียบกับ Xpeng ที่ปรับเป้าเพิ่มจาก 10000 คันเป็นเดือนละ 15000 คัน ถือว่า Xpeng Strong กว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถ้าลองมองอีกมุมในแง่ดีหน่อย รถของ NIO ก็ยังไม่มีรุ่นใหม่ ในขณะที่ Xpeng ออกรุ่นใหม่รัวๆ ก็อาจจะไม่แปลกที่ยอดส่งมอบรถอาจจะไม่ดีในช่วงนี้ แต่คงไปเร่งสปีดช่วงกลางปีหน้า? ตอนส่งมอบ ET7 และปลายๆปีอาจจะส่งมอบรุ่นใหม่ได้อีกซัก 2 รุ่น ถึงตอนนั้น NEO Park Phase 1 น่าจะใกล้เสร็จพอดี
ถ้าสถานการณ์เป็นตามนี้ก็แปลว่าช่วงนี้อาจเป็นช่วงเก็บสะสมของหุ้น NIO แล้วไปวิ่งเอาจริงๆจังๆอีก 3-6 เดือนข้างหน้า ดังนั้นมาดูกันครับว่ามีอะไรรอ NIO อยู่ในอีก 12 เดือนข้างหน้าบ้าง?
การเติบโตของ NIO ได้เวลาถุงกาวแล้ว !!! ซื้ดดดดดดดด
เอาปลายปีนี้ก่อนเลย จะดีที่สุดถ้ายอดส่งมอบรถของ NIO สามารถกลับมาเติบโตได้ และควรเร่งตัวให้เกิน 10000 คัน (Assume ว่า Guidance ของทีมผู้บริหารอาจจะเลือก Conservative ไว้ก่อน) - ตัวเลขส่งมอบรถเดือนพย.ออกมาแล้วนะครับ ดีกว่าเดือนกย.เล็กน้อย แต่ยังไม่สูงพอจะ Surprise ตลาดนะผมว่า
NIO Day จะจัดวันที่ 18 ธันวาคม 2021 นี้ น่าจะเห็น Development ใหม่ๆรวมไปถึงรถรุ่นใหม่ด้วย? ตอนนี้ความคาดหวังของตลาดคือรถรุ่นใหม่อย่างน้อย 2 รุ่นบน Platform 2.0 ไม่รวม ET7 เพราะ Launch ไปแล้วในปี 2020
ดีไม่ดีที่ NIO Day อาจจะมีการ Launch แบรนด์ใหม่เลย (อารมณ์ Toyota กับ Lexus) เดาว่าเป็นรถระดับ Mass เอามาสู้กับ Xpeng BYD เช่น ET5 ที่เป็น Mid-sized Sedan แต่มาพร้อมความพิเศษคือ Swap Battery ได้ และอาจจะมีรถ MPV ไม่ก็ High Performance Sport Coupe EF9
ในงาน NIO Day น่าจะมีแผนการส่งออกรถไปขายต่างประเทศที่ชัดเจนด้วย แผนเหมือนจะไปลุยเมืองหลวงของรถยนต์เลยคือเยอรมัน ตอนนี้ NIO ขายใน Norway ได้เดือนละประมาณ 50 คัน++ ET7 จะส่งไปขาย Norway ปี 2022 เช่นกัน
หลังจากนั้นต้นปี 2022 แถวตรุษจีน จะเริ่มเข้า Low season ของยอดขายรถในจีน + Subsidies ของจีนลดลง หุ้น EV ส่วนใหญ่น่าจะปรับฐานก่อนหน้านั้นเล็กน้อย แต่ NIO อาจจะสวนกระแสขึ้นตอนนั้นก็เป็นไปได้เพราะหลังจากนั้นจะมี ....
กลางปี 2022 เริ่มส่งมอบรถ ET7 รุ่นใหม่มาตอนนั้น P7 ของ Xpeng อาจจะยอดขายเริ่มชะลอ
ปลายปี 2022 รถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวใน NIO Day 2021 เริ่มส่งมอบ
โรงงาน NEO Park Phase 1 เปิดตัวปลายปี 2022 เรียกได้ว่าหลังตรุษจีนเป็นต้นมา NIO ที่เหมือนดวงตกตลอดปี 2021 จะเริ่มกลับมาโตได้แล้ว
ช่วงตั้งแต่กลางปี 2022 เป็นต้นไปน่าจะเริ่มเห็นการส่งมอบรถของ NIO อย่างมีนัยยะ ตลาดจีนตอนนั้น Penetration rate น่าจะไม่น้อยกว่า 30% จีนขายรถปีละ 20 ล้านคัน แปลว่าตลาดรถ EV จะมีตลาดอย่างน้อย 6 ล้านคัน ถ้า NIO หนึ่งในรายใหญ่จะส่งมอบรถต่อปีซัก 300000 คันตามเป้าที่เคยบอกไว้ก็น่าจะไม่ได้ยากเย็นอะไร Market share 5% ในตลาดที่ไม่มีใครคิดจะซื้อรถ ICE อีกแล้ว (เอาจริงๆตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกแบบนั้นแล้วนะ)
ผมว่าเกมส์ของ EV ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเป็นเกมส์หาผู้ผลิตที่ Scale ได้ ผลิตในปริมาณมากๆ คุมตลาดรถหลายประเภท Sedan SUV MPV Pickup Truck แล้วขายได้จริง และมีกำไรโดยเร็วที่สุด
เพราะเกมส์ที่จะต่อมาหลังจากนั้นคือ Robotaxi และ Autonomous Driving มันจะดุเดือดกว่าการแข่งกันที่รถใครวิ่งได้ไกลกว่ากันเยอะมาก ต้องอย่าลืมว่ารถ EV ในอนาคตไม่ใช่รถยนต์แต่เป็น Smart Phone เครื่องใหญ่ที่มีล้อวิ่งได้
การมี Scale สำคัญมากๆ เพราะจะนำไปสู่ธุรกิจ Software และ xxx-as-a-Service ทั้งหลาย ซึ่ง TAM และ Margin สูงกว่าขายรถเยอะ ชี้เป็นชี้ตายผู้เล่นในตลาด Next Gen EV ได้เลยทีเดียว ... Valuation Tesla ของ ARK Invest ให้ Value Robotaxi เกือบครึ่งนึงของบริษัทนะครับ ถ้าทำ Robotaxi ไม่ได้ถือเป็น Significant Discount กับราคาหุ้นเลยทีเดียว
แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่ผมเขียนมานี้ก็มีความเสี่ยงที่ต้องสนใจอยู่เยอะเหมือนกันครับ สำหรับผมหุ้น EV ในตอนนี้ยังห่างไกลจาก xxx-as-a-Service ที่ว่า ยังไงๆก็ยังเป็นผู้ผลิตรถอยู่ดี
ความเสี่ยง
ตอนนี้สถานการณ์ราคาแบตเตอรี่ขึ้นแรงมาก BYD พึ่งขึ้นราคา Blade Battery ไป 20% ความโชคดีคือ NIO ยังขึ้นราคารถได้ด้วยแบรนด์ที่เป็นระดับ Premium ถ้าเป็นแบรนด์เล็กๆอาจจะลำบากหน่อยในการขึ้นราคา แบรนด์ไม่แข็งอาจลำบากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกๆแบรนด์ตอนนี้แข่งกันหนักหน่วง ในจีน BYD ดูจะได้เปรียบสุดเพราะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ซะเอง Infrastructure ก็พร้อม ติดอย่างเดียวรถออกแบบดู ICE ไปนิด (คือคนซื้อ EV ก็อยากได้สวยๆอวกาศๆมะ ให้มันดูโดดเด่นแตกต่างจากรถบนถนน)
การส่งออกไปต่างประเทศ ระบบ ADAS ที่อิงกับ High-Definition Map จะเหนื่อยมาก เพราะต้องไปทำข้อมูล Map ของ NIO ดันมี Battery Swap Station ที่ต้องไปวาง Infra ก่อนอีก (ตอนนี้ระบบ ADAS ที่ไม่อิง Hi-Def Map มีของ Tesla ที่เดียว)
ปัจจัยภายนอกเช่นพวก Fed ขึ้นดอกเบี้ยก็น่าจะเป็นประเด็นสำหรับบริษัทที่ยังขาดทุน และกระแสเงินสดอยู่ไกลๆจะถูก Discount เยอะ
การ Breakthrough ของ Tesla ของการทำ Full-Self Driving แบบ Pure Vision based อาจจะทำให้รถที่ใช้ Lidar กับ Hi-Def Map "Doomed" ไปเลย
อนาคตส่วนใหญ่ๆเลยยังอิงกับรัฐบาลจีน ซึ่งก็ตามมาด้วยความเสี่ยงแบบที่เรารู้ๆกัน มาเป็นระลอกๆ
การลดลงของ Subsidies จากรัฐบาลในปี 2022 อาจทำให้คนเลิกสน EV ไปชั่วคราว (แต่ระยะยาวๆก็ต้องกลับมาซื้ออยู่ดี)
การโดน Mass Recall ในกรณีรถมี Defect อะไรบางอย่าง เช่นแบตเตอรี่ไฟไหม้ แล้วต้อง Recall ES8 ในปี 2020
ปี 2022 เป็นปีที่ Subsidies รถจีนจะลดลงอีกนะครับราวๆ 20-30% ปี 2021 ตอนที่ Subsidies ลดนี่ยอดหายกันหมดหุ้นลงกันกระหน่ำดังนั้นผมบอกไม่ได้เลยว่าปี 2022 จะ Repeat อีกไหมในเชิงของราคาหุ้น
Tesla ตอนนี้ประกาศขยาย Giga Shanghai แล้ว รับพนักงานเพิ่มจาก 4000 เป็น 19000 คน ส่วนกำลังการผลิตเดิมของ Giga Shanghai คือราวๆ 450000-500000 คัน ถ้า Cap มากขึ้นตามพนักงานก็ราวๆ x4 เลยนะครับ
ส่วนตัวผมไม่ Surprise กับการขยายโรงงานของ Tesla ผมว่ามัน Inevitable แต่ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าแล้วคู่แข่งจีนจะทำยังไงกันต่อ เพราะแผน NIO มากสุดในตอนนี้คือราวๆ 1000000 + 400000 คันรวม NEO Park กับโรงงานของ JAC ส่วน Xpeng อยู่ที่ ราวๆ 200000-300000 ที่ โรงงาน Zhaoqing กับ Haima + อีก 200000-300000 ในโรงงานใหม่ที่ Guangzhou และ Wuhan
สุดท้ายความเสี่ยงจากการเพิ่มทุน การลงทุนในธุรกิจรถ EV นั้น Scale สำคัญมากๆอย่างที่ผมบอกไป และการที่จะ Archieve Scale ก็ต้องผลิตเป็นจำนวนมาก NIO จึงมีโอกาสเพิ่มทุนในกรณีที่ต้องการขยายมากกว่าที่วางแผนเอาไว้ อย่างไรก็ตาม NIO เพิ่งทำ ATM (At The Market) Offering ไปเมื่อวันที่ 19 พย.ที่ผ่านมา ได้เงินไป 2 Billion USD ดังนั้นใกล้ๆนี้น่าจะยังไม่มีการเพิ่มทุนเพิ่มเติม (เพิ่มให้ครับ Xpeng ก็เพิ่งได้เงินไป 2 Billion USD เช่นกันจากการเข้าตลาดหุ้น Hongkong เมื่อกลางปี Li Auto ก็ได้เงินไป 1.5 Billion USD จากการเข้าตลาด Hongkong เช่นกัน รวมถึง BYD เองก็พึ่ง Raise ไปประมาณเดียวกันคือ 1.7 Billion USD เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา)
ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มผมแนะนำให้ไปอ่านบทความ Xpeng ตัวเต็มที่ผมเคยเขียนไว้ และถ้าจะให้ดีดู Video ของรายการ Alpha Investor ที่ผมเคยพูดเกี่ยวกับ Tesla ไว้น่าจะช่วยให้เข้าใจภาพมากขึ้นครับ
ส่วน EV ตัวอื่นๆรวมถึงหุ้นที่อยู่ใน Ecosystem ของ EV ผมจะทยอยเขียนเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆนะครับ ตัวต่อไปน่าจะเป็น BYD หลังจากนั้นจะสลับๆกับหุ้นประเภทอื่นบ้างเพื่อไม่ให้คนเขียนเอียนหุ้น EV ไปซะก่อน 555 ยังไงสมัครสมาชิกไว้คอยติดตามกันได้ครับ