วิเคราะห์หุ้น ABNB Airbnb [Deep Dive]
ต่างกับ Booking.com ยังไง? 90 Billion แล้วยังโตได้อีกไหม? ปรับโมเดล Airbnb จองได้ทุกอย่างสำหรับ Hipster
หลังจากที่ออกมาลงทุนในตลาดหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศได้ซักระยะหนึ่ง ผมเริ่มเห็นความแตกต่างของหุ้นต่างประเทศที่หาในประเทศไทยไม่ได้ เช่นหุ้นเทคโนโลยีที่มี Network Effect สูงๆ และหุ้นที่สามารถ Scale แบบ Infinity ได้โดยที่ไม่มี Marginal Cost มากนัก Market Cap ยังอยู่ในระดับที่เติบโตได้ไม่ยากเกินไป และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างมีความ Unique สูงๆ Demand ความต้องการไม่ถูก Disrupt และยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สุดท้ายเลยได้มาดู Airbnb ซึ่งเป็นบริษัท Home Sharing ที่เพิ่ง IPO เข้ามาในปีที่แล้ว ช่วงหลัง COVID ตอนแรกผมไม่ค่อยสนใจหุ้นตัวนี้เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าก็ไม่ต่างกับ OTA ธรรมดาทั่วๆไปอย่าง Booking.com หรือ Trip.com แต่ดันราคาแพงเท่า 2 ตัวนี้รวมกัน
อย่างไรก็ตามหุ้น Airbnb ลงมาจากจุดสูงสุดมากพอสมควร แถมตอนนี้ทั่วโลกกำลังจะเปิดเมือง ไม่ช้า Demand การท่องเที่ยวกำลังจะกลับมา Airbnb น่าจะเป็นหุ้น Technology ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดตัวหนึ่ง ผมจึงรู้สึกว่าอย่างน้อยๆควรแวะไปดูซะหน่อยว่า Airbnb นี้มันมีอะไรดี หรือจริงๆความคิดของผมในตอนแรกอาจจะถูกแล้วคือมันแพงและเฉยๆ
ทำไมหุ้น ABNB ถึงน่าสนใจ?
Ambition ของ Brian Chesky ที่ต้องการให้ Airbnb เป็นบริษัท Tech Tier-1 เทียบ Amazon, Apple, Google นั่นอาจจะหมายถึง Market Cap เกิน 1 Trillion
Super Strong Network Effect ที่มี Community ที่แข็งแกร่งมากๆ
Business Model ที่ Scale ได้แบบแทบไม่มี Incremental Cost เลย
การขายธุรกิจออกไปนอกเหนือจากการจองที่พัก ทำ Airbnb Experience เก็บค่า Fee สูงขึ้น
1 ใน 4 ของรายได้ของบริษัทไม่ได้มาจากการท่องเที่ยวแล้ว แต่มาจากการ “ใช้ชีวิต”
Culture ที่แข็งแกร่ง และ Passion ของ CEO ที่สูงมากๆ (ถึงขึ้น Peter Thiel และ Warren Buffett ชม)
70-90% ของ Traffic เข้าเว็บไซต์เป็น Direct / Unpaid Traffic ทำให้ Airbnb ใช้งบการตลาดในสัดส่วนน้อยกว่าคู่แข่งมาก นอกจากนั้นยังโดน Google / Facebook Tax น้อยกว่าคู่แข่งด้วย
การ Rebound ของการท่องเที่ยวในครั้งนี้จะดีดแรงมาก อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุดในปี 2020 คือกิจกรรมกลางแจ้ง และการท่องเที่ยว
คนหลีกเลี่ยงการไปพักโรงแรมที่ต้องใช้ Facility ร่วมกันเยอะ และจอง Airbnb แทน
TAM ระดับมหากาฬ 3.4 Trillion (1.8 Trillion สำหรับ Short-Term Stay และ 1.4 Trillion สำหรับ Experience)
ภาพรวมธุรกิจของ Airbnb
ถ้าอ่าน 10-K ของ Airbnb จะเจอว่าบริษัทบอกว่า Airbnb ทำธุรกิจ Community based on Connection and Belonging .... Art สุดๆแน่นอนครับงง เปลี่ยนไปดูของ Wikipedia แทน Wikipedia บอกว่า Airbnb ทำธุรกิจ Online Marketplace for Lodging หรือธุรกิจ Marketplace สำหรับการจองที่พัก ชัดเจนขึ้นเยอะ
ธุรกิจของ Airbnb เริ่มมาจากการที่ Founder ของ Airbnb Brian Chesky และ Joe Gebbia ปล่อยเช่าที่นอนเป่าลมในบ้านเช่าของตนเองให้กับนักท่องเที่ยวที่มางาน Design Conference
ใครเคยไปงาน Design Conference ต่างประเทศจะรู้ว่าช่วงที่มี Conference เนี่ยนอกจากที่พักแพงมากแล้ว ยังหายากมากๆด้วย ผมเคยไปงาน Milan Fair ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับการออกแบบเมื่อประมาณ10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมต้องไปนอนพักเตียง 2 ชั้นอยู่ในโรงยิมของมหาลัยแห่งหนึ่งใน Milan อ่ะครับ แล้วราคาไม่ใช่ถูกๆนะครับ คืนละ 80 ยูโรเลย
ธุรกิจของ Airbnb ก็เริ่มมาจากอะไรแบบนี้ แต่หลังจากนั้นคนที่มาพักก็บอกว่าทำไมไม่ทำแบบนี้สำหรับการท่องเที่ยวด้วย ก็เลยกลายมาเป็น Airbnb แบบในปัจจุบัน
สถิติที่น่าสนใจของธุรกิจ Airbnb ในปี 2020 มีประมาณนี้ครับ
ปัจจุบัน Airbnb มี Host (คำที่ Airbnb ใช้เรียกผู้ปล่อยเช่าบ้าน) ประมาณ 4 ล้าน โดยใน 4 ล้านคนเนี้ย เป็นคนธรรมดาสูงถึง 3.5 ล้านคน โดยที่อีก 5 แสนกว่าเป็นธุรกิจ เช่นพวกโรงแรมขนาดเล็ก Guest house หรือคนที่ซื้อตึกมาเพื่อปล่อยเช่า Airbnb โดยเฉพาะ
ในจำนวน 4 ล้านคนนี้ ทำให้ Airbnb มี Listing (คำที่ Airbnb ใช้เรียกประกาศปล่อยเช่าแต่ละอัน) ทั้งหมด 7.4 ล้าน Listing เป็น Active Listing ที่เกิดการ Book ในปีสูงถึง 5.6 ล้าน Listing
Airbnb มี Listing อยู่ในเมืองมากกว่า 100,000 เมือง และ 220 ประเทศทั่วโลก ตอนนี้ถ้าจะเที่ยวประเทศไหนส่วนใหญ่มี Airbnb หมดนะครับ
GBV (Gross Booking Value) ของ Airbnb อยู่ที่ 24 Billion (GBV คล้ายๆ GMV ของ E-Commerce เพียงแต่เปลี่ยนจากมูลค่าการขายของเป็นมูลค่าของค่าที่พักแทน)
Airbnb มีผู้ใช้รวมทั้งสิ้น 150 ล้านราย (รวม Host ด้วย) มี Active Booker 54 ล้าน และมี Guest Arrival รวม 247 ล้านคน
ในมุมของรายได้ Airbnb มีรายได้เติบโตทุกปีมาสะดุดในปี 2020 ที่เกิดวิกฤตโรคระบาด โดยปีล่าสุด 2019 Airbnb มีรายได้เติบโต 31.6% การเติบโตในระดับนี้สูงกว่า Booking.com ที่โต 3.7% และ Expedia ที่โต 7.5%จะว่าไปจริงๆแล้วการเติบโตของ Airbnb กำลังเติบโตตามอดีตของ Booking.com ในเรทที่ใกล้เคียงกันมากๆ จะบอกว่า Airbnb คือ Booking.com เมื่อประมาณ 5-8 ปีก่อนก็คงไม่ได้ผิดอะไร
ส่วนตัวตอน Airbnb เข้าตลาดมา ผมจำได้ว่า Market Cap ของ Airbnb ตัวเดียว เทียบเท่า Market Cap ของ Booking.com ซึ่งเป็นรายใหญ่ของโลก บวกกับ Trip.com ซึ่งเป็นรายใหญ่ของจีน ดูผ่านๆจะรู้สึกว่ามันแพงมาก
Airbnb เข้าตลาดมาด้วยราคา IPO ที่ 68 ดอลลาร์ หรือ Market Cap 40 Billion หุ้นเคยวิ่งขึ้นไปถึง 219 ดอลลาร์ หรือ Market Cap 131 Billion ปัจจุบันหุ้นอยู่ที่ราคา 138 ดอลลาร์ หรือ Market Cap 84 Billion
ถ้าดูกราฟจะเหมือน Airbnb ลงมาเยอะจาก 219 ดอลลาร์ แต่ถ้าเทียบราคา IPO ไปถือว่าคนซื้อไปยังได้กำไรจาก IPO อยู่ 110% คนที่เป็นพนักงานของ Airbnb ขายหุ้นตอนนี้ก็ยังถือว่าได้มากกว่าตอน IPO เยอะอยู่
แต่ถ้าเทียบกับ Market Cap ของ Booking.com ซึ่งเป็นรายใหญ่อยู่ตอนนี้ที่ 90 Billion ราคาเท่ากับ Airbnb (คือราคา Airbnb มันลดลงมา ส่วน Booking.com ขึ้นมาตอนนี้เลยเท่ากัน)
2 เจ้านี้มีความแตกต่างกันไม่ใช่แค่ในเชิงการเติบโตอย่างเดียว แต่มีความแตกต่างในเชิง Business Model รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าด้วย ดังนั้นการเอา 2 ตัวนี้มาเทียบกันจะเป็นการเทียบในธุรกิจ Category เดียวกันคือให้บริการที่พัก แต่วิธีการทำธุรกิจ และกลุ่มลูกค้านั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Business Model ของ Airbnb
Business Model ของ Airbnb คือการเป็น “Platform ตัวกลาง” ซึ่งทำหน้าที่ Match คนสองกลุ่มเข้าด้วยกัน คือกลุ่มที่มีบ้านว่างให้เช่าได้ กับกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวแล้วอยากเช่าบ้าน Model แบบนี้เป็น Very Classic Silicon Valley เลยครับ แบบเดียวกับ Ebay และ Etsy
เพื่อความเข้าใจและความชัดเจนถึงความแตกต่าง ผมจะพยายามอธิบายและแนบตัวเลขของคู่แข่งอย่าง Booking.com เปรียบเทียบไปด้วยนะครับ
Platform ของ Airbnb มีผู้ใช้หลักๆอยู่ 2 ประเภท คือ Hosts และ Guests โดยเก็บค่า Fee ที่ Airbnb เก็บจากทั้ง 2 กลุ่มจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบริการ
1. บริการเช่าบ้าน – เก็บค่า Fee จาก Host 3% และเก็บค่า Fee 5-15% จาก Guest ตรงนี้แตกต่างกับ Booking.com ที่เก็บจาก Host เต็มๆที่ 15%
Model ของ Airbnb ให้ความสำคัญกับ Hosts มากๆ เพราะการที่มี Hosts เยอะ มีบ้านให้เลือกมาก Listing หลากหลาย Location เยอะขึ้น ยิ่งทำให้ Airbnb ขยายตลาดได้เร็วมากขึ้น Model ของ Airbnb จึงเป็น Model Supply Constraint คือธุรกิจจะสำเร็จได้มากแค่ไหน โตได้เท่าไหร่อยู่ที่จำนวน Hosts และ Listing ที่มี
ต่างกับของ Booking.com ที่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมกว่า 5 แสนแห่งทั่วโลก 1 โรงแรมก็มีไป 300-400 ห้องแล้ว Model ของ Booking.com จึงเป็นด้าน Demand Constraint คือ Host และ Listing มีอยู่แล้ว หาไม่ยาก แต่จะหาคนมาพักยังไงให้เต็ม
ดังนั้นการทำการตลาดของ Booking.com จึงมุ่งไปที่ Guest เป็นหลัก ส่วน Airbnb มุ่งไปที่ Hosts เป็นหลัก
ซึ่งในอนาคต Model ของบริษัทอาจเปลี่ยนไปเพราะตอนนี้ Airbnb เริ่มมีการเปิดให้บริการ Professional Host ที่เป็นคนปล่อยเช่าเหมือนกัน แต่ทำเป็นการเป็นงาน ในรูปแบบองค์กรมากขึ้น 1 เจ้าอาจจะมี Listing 10 ที่ขึ้นไป เทียบกับ Conventional Airbnb Hosts ที่มี Listing เพียง 1-2 Listing เท่านั้น
โดย Airbnb จะเก็บค่า Fee มากขึ้นกับ Professional Host ที่ 14% เรทเดียวกันกับ Booking.com และไม่ชาร์จ Fee ไปที่ Guest เลย ซึ่งที่ผมเข้าใจ Airbnb จะมีการให้เครื่องมือและ Software ในการบริหารจัดการให้ด้วย
2. บริการพาเที่ยว (Experience) - ไอเดียของบริการนี้มาจากการที่ Airbnb ทำ Story Board ของ Airbnb แล้วเจอว่า Airbnb อยู่ในส่วนหนึ่งเล็กๆของ Journey การท่องเที่ยวทั้งหมดของ Guest เท่านั้น ยังมีช่องว่างให้ Airbnb เข้าไปอยู่ในชีวิตของลูกค้าอีกมาก จึงเป็นที่มาของการออกบริการ Airbnb Experience ขึ้นมา (คิดดูดีๆมันคือบริการทัวร์ดีๆนี่เอง)
โดย Hosts ที่ให้บริการ Airbnb Experience จะถูกเก็บค่า Fee 20% ดูเผินๆเหมือนเยอะ แต่ถ้าลองคิดดูว่า Hosts ที่ให้บริการที่พัก แล้วสามารถหารายได้เพิ่มจากการทำ Airbnb Experience เริ่มต้นที่หัวละ 100 ดอลลาร์
ทำดีๆอาจจะได้มากกว่าค่าที่พักซะอีก แถมยังไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยว ทำอาหารให้กิน พาไปเที่ยวที่ๆพวกเขาเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก แถมได้รายได้เพิ่ม ทำไมจะไม่ทำ?
Airbnb มีลูกค้าใช้บริการอยู่แล้วปีละ 54 ล้านคน สมมุติว่า 10% ใช้บริการ Airbnb Experience 1 ครั้งต่อทริป ก็เป็นรายได้ 100 ล้านดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ต้นทุนแทบไม่มีอะไรเพิ่มเลย
รวมๆกันทั้งหมดค่า Fee ที่ Airbnb ได้จากการจองที่พักและ Experience อยู่ที่ราวๆ 13% ถามว่าจะเพิ่มมากกว่านี้ได้อีกไหม? น่าจะยากเพราะ Booking.com กับ Expedia ก็อยู่แถวๆนี้ มันเลยอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม Airbnb เลือกขยายบริการไปประเภทอื่น นอกเหนือจากการจองที่พัก
สังเกตดูดีๆนะครับ จะเห็นว่า Airbnb Experience ที่ขยายไปคนให้บริการก็คือคนธรรมดาหรือ Hosts นี่แหละ แตกต่างกับการขยายธุรกิจของ Booking.com เช่นการให้เช่ารถไรเงี้ย เป็นการดีลกับบริษัทนะครับ แต่ Airbnb เน้นดีลกับคนธรรมดาโดยเริ่มต้นที่ Hosts ของตนเองก่อน ดังนั้นความยากง่ายในการบริหารจัดการมันจะแตกต่างกันมากพอสมควรครับ
การดูแล Hosts 4 ล้านคน บ้าน/คอนโด 5.7 ล้านที่ ที่เจ้าของก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพ กับการดูแลโรงแรม 5 แสนแห่งที่มีเจ้าของหรือผู้ดูแลที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว แตกต่างกันมากๆครับ
ดังนั้นหากอยากจะลงทุนใน Airbnb นอกจากเข้าใจว่า Business Model ของ Airbnb เป็นยังไงแล้วควรจะต้องเข้าใจลูกค้าด้วยว่า Airbnb กำลังให้บริการใคร เหมือนหรือต่างกับคู่แข่งอย่างไร?
บริการของ Airbnb กับ Booking.com ต่างกันยังไง?บริการของ Airbnb กับ Booking.com ต่างกันยังไง?
บริการของ Airbnb กับ Booking.com ต่างกันยังไง?
Location – Airbnb มี Location มากกว่า Booking.com ครับ Location ในที่นี้หมายถึงที่พักที่อยู่ในสถานที่แปลกๆ ไม่ได้อยู่ตามกลางเมือง เช่นกระท่องที่อยู่เชิงเขา ทางเข้าอุทยานแห่งชาติ อะไรประมาณนี้
Service – อันนี้ต้องบอกว่าคนไปเที่ยวคาดหวังอะไร Booking.com มี Standard ของ Service ที่ชัดเจนและแน่นอนมากกว่า เพราะส่วนใหญ่เป็นโรงแรม ส่วน Airbnb ต้องยอมรับว่าไม่ได้มี Standard เหมือนกันทุก Listing ไปนอน Airbnb Check-in 5 ทุ่มอาจโดน Hosts ด่าเอาได้ ในขณะที่ถ้าไปโรงแรมธรรมดาอันนี้เรื่องปกติ หรือเรื่องคนช่วยยกกระเป๋าไรเงี้ย ไปนอน Airbnb แล้วคาดหวังว่าเจ้าของบ้านจะช่วยยกกระเป๋า อาจจะผิดหวังได้
การ Review และ Vote – ในขณะที่การจองโรงแรมคนพักสามารถ Review โรงแรมได้ แต่ถ้าเป็น Airbnb Hosts สามารถรีวิว Guest ได้นะครับ ทำตัวไม่ดี ระวังไม่มีใครรับจองอีกเลย อันนี้เป็นข้อดีมากๆของ Airbnb ที่ทำให้คนที่ Hosts ใน Airbnb มีสิทธิมีเสียง (ตรงกับที่บอกว่า Airbnb คือ Supply Constraint เน้น Hosts มากๆ)
ราคา – ราคาของ Airbnb โดยเฉลี่ยถูกกว่าโรงแรม 5-15% ยิ่งคนเยอะ ยิ่งไป Airbnb ถูกกว่าครับ อันนี้ชัดเจนมากๆ ดังนั้นกลุ่มลูกค้าที่ไป Airbnb มันจะเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เช่นครอบครัว ไปพักทีพักยาว ใน Platform ของ Airbnb 1 ใน 5 ของคนเข้าพัก พักยาวเกิน 28 วันหรือทั้งเดือน เรื่องราคาจึงเป็นเรื่องที่ Sensitive และจุดนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคนพัก Airbnb กับพักโรงแรม
การจ่ายเงิน - ส่วนใหญ่แล้ว Airbnb ต้องจ่ายเงิน Advance ไปเลยครับ แต่ถ้าเป็น Booking.com เราจะยังหาพวกจ่ายที่โรงแรมได้ แถมบางที Free Cancel จนวันสุดท้ายก่อน Check-in ก็มี
ความหลากหลายของที่พัก - อันนี้ Airbnb กินขาดคล้ายๆเรื่อง Location เพราะคำว่าที่พักของ Airbnb ไม่ได้หมายความถึงห้องพักหรือแม้แต่บ้าน ไปครอบคลุมไปถึงเต้นท์ รถบ้าน กระท่อม ประภาคาร บ้านต้นไม้ จนไปถึงเกาะส่วนตัวทั้งเกาะ อันนี้ก็ตรงกับกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นทำเรื่อง Experience ให้ดี และเพราะแบบนี้เลยทำให้ Platform ของ Airbnb ดูไม่น่าเบื่อ คนเข้าเว็บ Airbnb เฉลี่ยแล้วดูเว็บประมาณ 21 หน้าต่อครั้ง เทียบกับ Booking.com ที่แค่ 9 หน้าต่อครั้ง
การจอง – 70-90% ของ Traffic ของ Airbnb มาจาก Direct Traffic นะครับ นั่นหมายความว่าคนเข้า Airbnb.com มาเลย ในขณะที่ของ Booking.com Direct Traffic อยู่ที่ประมาณ 40% เท่านั้น ที่เหลือมาจาก Affiliate ไม่ก็ Google Search จุดนี้เลยทำให้งบการตลาดของ Booking.com ใช้มากกว่า Airbnb
ในมุมของการทำธุรกิจ Airbnb ทำสิ่งที่ยากกว่า Booking.com และตัวฐานลูกค้าเองดูมี Lifestyle ที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วๆไปที่พักโรงแรมพอสมควร จริงๆจะบอกว่าการมาของ Airbnb เป็นการเปิดตลาดใหม่ของการท่องเที่ยวก็เป็นได้ เพราะราคาถูกลงเยอะ ทำให้คนรุ่น Millennial อายุ 20-35 ส่วนใหญ่แล้วใช้ Airbnb จนชิน แทบไม่เคยจองโรงแรมเลย (เพราะโรงแรมในต่างประเทศแพงมาก ไม่เหมือนประเทศไทยที่โรงแรมค่นข้างถูก)
และเนื่องจาก Hosts ส่วนใหญ่มีรายได้จาก Airbnb เฉลี่ย 9,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 280,000 บาทต่อปี) เป็นรายได้ที่มีนัยยะของหลายๆคน มีการฝึก Hosting อย่างจริงๆจังๆ มี Community Host Support ในแต่ละที่ ทำให้ Hosts และ Guests ของ Airbnb เป็นลูกค้าและคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทใกล้ชิดกว่า Booking.com ที่เป็นโรงแรม ดังนั้นความแข็งแกร่งและข้อได้เปรียบของธุรกิจของ Airbnb จึงมีความแตกต่างจาก OTA ทั่วๆไป (Online Travel Agent)
Moat ของ Airbnb คืออะไร?
คงไม่มีใครบ่งบอก Moat และปัจจัยที่ทำให้ Airbnb ประสบความสำเร็จได้มากกว่า Brian Chesky และตัวบริษัทเอง นี่คือสี่ข้อที่ผมได้ข้อมูลมากจาก Airbnb ครับ
Airbnb is succeeding because:
Our platform is fueled by hosts and guests who are loyal to Airbnb because we treat them like members of a community, not commodities.
We have an unrivaled brand and have built a loyal and growing community.
Our community has created a truly global network. Guests who are seeking unique listings and experiences around the world find what they want at Airbnb. That demand generates greater opportunities for even more hosts.
Our community offers unique, high-quality accommodations and experiences that have created a new way to travel that did not exist before and cannot be found anywhere else.
https://news.airbnb.com/an-update-on-instant-book/
Moat ที่ 1 ของ Airbnb “The Airbnb Community”
Airbnb บอกว่า “Treat them like members of community, not commodities” บริการลูกค้าเปรียบเสมือนสมาชิกใน Community (อารมณ์ชมรมคนรัก Home Sharing อะไรแบบนี้ครับ) ไม่ได้คิดกับลูกค้าแค่เรื่องเงิน
ดังนั้นสิ่งที่ Airbnb ทำจึงแตกต่างกันทำให้เกิดผลที่แตกต่างกันด้วย ถ้า Airbnb เป็น Community ที่แข็งแกร่งจริงๆมันน่าจะมีหลักฐานอะไรพอบอกได้จริงไหมครับ?
สิ่งที่ผมเห็นว่าพอเป็นหลักฐานได้คือ Traffic ของเว็บครับ คือเว็บที่มีแฟนพันธ์แท้จริงๆเขาไม่เข้าผ่าน Google กันนะครับ แต่จะ Direct ตรงไปที่เว็บหรือแอปของที่นั้นๆเลย
Traffic ของ Airbnb เป็น Direct Traffic สูงถึง 70% ใน Earning call 1Q21 Brian Chesky บอกว่า 90% (ไม่รู้เฮียเขาแม่นแค่ไหน) แต่เอาเป็นว่าอยู่ที่ระดับ 70-90% ละกัน
ข้อดีของ Direct Traffic คือ Airbnb ไม่ต้องจ่ายค่า Google Tax หรือ Facebook Tax ครับ ปกติ Search ผ่าน Google ถ้าไม่ติด SEO ก็ต้องจ่ายค่าโฆษณา ถ้าเห็นผ่าน Facebook ก็ต้องจ่ายค่าโฆษณาเหมือนกัน
สาเหตุนี้เองเลยทำให้ Airbnb มีงบการตลาดที่ต่ำกว่าของ Booking.com ราวๆครึ่งหนึ่งถ้าวัดเป็น %
อีกอย่างหนึ่งที่พอวัดได้ว่า Community ของ Airbnb แข็งแกร่งแค่ไหนคือการลง Listing ครับ
จะเห็นว่าในตลาดของ Alternative Accommodation คนส่วนใหญ่ 59% เลือกที่จะลง Listing ใน Airbnb โดย 45% ลง Listing ใน Airbnb ที่เดียว 5% ไปลงที่ Booking.com ด้วย 6% ลงกับ Expedia และ 3% ลงทั้ง 3 ที่ ซึ่งมันก็มีเหตุผลอยู่ครับว่าทำไมถึงลงกับ Airbnb ที่เดียว
คำตอบที่เรียบง่ายคือ “เงิน” นั่นเอง ข้อมูลด้านบนเป็นจำนวนการ Book ต่อเดือนที่ Hosts ได้จากการ Listing บนเว็บต่างๆ จะเห็นว่าถ้า List กับ Airbnb อย่างเดียวจะมีโอกาสได้รับการจองถึง 16.5 คืนต่อเดือน ในขณะที่ตัวเลขลดหลั่นลงไปถ้าลงกับเจ้าอื่น
และถ้าลง 2 เจ้าขึ้นไปล่ะ? เช่น Airbnb กับ Booking จำนวนคืนที่ได้จะเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 1 คืนในขณะที่ Host ต้องดูแล Platform เพิ่มเป็น 2 ที่ แถมจ่ายค่าคอม 2 แบบ
ทางที่จะได้รับการจองเป็นจำนวนคืนมากที่สุดคือการ List มันให้หมด 3 Platforms คือ Airbnb, Booking.com, Expedia จะทำให้จำนวนคืนต่อเดือนเพิ่มขึ้นจาก 16.5 เป็นเกือบๆ 21 คืน
อย่างไรก็ตามสำหรับ Hosts ส่วนใหญ่การ List บน Platform ของ Airbnb เพียงพอที่จะทำเงินส่วนมากแล้วครับ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ 45% ของ Hosts ทั้งหมดเลือกลงแค่ใน Airbnb
ถ้าหาดูข้อมูลเป็นรายประเทศจะเห็นคนที่ลง Airbnb อย่างเดียวส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนตั้งแต่ 55-85% ขึ้นไป แล้วแต่พื้นที่ แล้วแต่ประเทศครับ ข้อมูลเป็นของปี 2017 อาจจะนานไปหน่อยแต่ผมว่าพอให้ไอเดียได้ว่าคนที่ลงแต่ Airbnb มันมีเยอะแค่ไหน
ด้วยหลักฐานเชิงตัวเลขทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบน ผมค่อนข้างมั่นใจว่า Airbnb เป็น Community ตัวเลือกแรกๆของคนที่ชอบ Home Sharing คนเราเมื่อติดอะไรซักอย่างแล้วมักจะติดไปอีกนานไม่ค่อยเปลี่ยนถ้าไม่ได้มีอะไรที่ดีกว่ามาจริงๆ
Moat ที่ 2 แบรนด์ของ Airbnb
จริงๆแบรนด์ กับ Community ถือเป็นสิ่งที่ใกล้และเชื่อมต่อถึงกันมากๆ พูดถึงแบรนด์ที่แข็งแกร่ง Airbnb สิ่งที่ผมคิดว่าพิสูจน์ได้คือ คำว่า Airbnb ที่กลายเป็น Verb เป็น Noun สำหรับการเช่าบ้านคนอื่นอยู่ตอนไปเที่ยวไปแล้ว แบรนด์เจ๋งๆมักจะมี Third Party Business เกี่ยวข้องอยู่บ่อยๆ เช่น iPhone ก็จะมี Brand ที่ทำ Accessory ให้ iPhone โดยเฉพาะ หรือกล้อง Fuji Instax ที่ได้รับความนิยมมากๆ ก็จะมี Accessory ตามออกมาเยอะ
แบรนด์ที่ดีจะต้องมีจุดเด่นที่ชัดเจน ซึ่งผมว่า Airbnb มีอยู่แล้วคือการ “Belong Anywhere” สิ่งที่ตามมาคือ “สาวก” ที่จะต้องมีวิธีชีวิตแบบเดียวกับแบรนด์ การจะมีสาวกได้ก็ต้องมีผู้เผยแพร่คำสอนผ่านไบเบิ้ล ดังนั้นผมจึงมองหาสิ่งเหล่านี้ในตลาดครับ
ถ้าไปค้น Amazon ดูจะเห็นว่า Amazon มีหนังสือสอนเรื่องการปล่อยเช่า Airbnb เยอะมากๆ แต่กลับไม่ได้มีเรื่องการปล่อยเช่า HomeAway, VRBO หรือ Agoda Home ซักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเพราะในจำนวน Platform ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ Airbnb คือเบอร์ 1 ลองนึกภาพยอดขายของหนังสือ Homeaway ดูนะครับ คนไม่รู้จักชื่อ ไม่ต้องบอกเลยว่าจะซื้อหนังสือหรือไม่? แต่มีชื่อ Airbnb ติดหนังสือก็ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งนึง หนังสือเหล่านี้เปรียบเสมือน Accessory ของ iPhone ดีๆนี่เองครับ
นอกจากหนังสือแล้วยังมีธุรกิจมากมายที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่อง Airbnb ตั้งแต่ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับ Home Sharing โดยเฉพาะ, บริษัทรับฝากกุญแจ และบริษัทรับทำความสะอาด
แบรนด์ของ Airbnb แข็งแกร่งจนถึงขนาดมีสาวกออกมาปกป้องเมื่อมีการประท้วงของฝ่ายที่ไม่ชอบ Airbnb (ก็แหงละมี Host 4 ล้านคน คนนึงได้เงินเฉลี่ย 9000 ดอลลาร์ต่อปี Airbnb ปิดไปเงินหายไปปีละ 9000 ดอลลาร์ ยอมไหมล่ะครับ?)
ในขณะที่แบรนด์ระดับโลกที่ว่าแข็งๆ ยังไม่เคยเห็นใครออกมาประท้วงปกป้องนะครับ Facebook, Google, Amazon หรือแม้แต่ Apple แต่ถ้าออกมาด่าอ่ะเห็นเป็นประจำ
ด้วยทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมาผมว่าชีวิตและจิตวิญญาณของ Airbnb คือ Community ที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งนี่แหละครับ
ข้อดีคือมันทำยากมากๆ ใช้เวลาโคตรๆ ในการสร้างแบรนด์ที่คนรัก สร้าง Community ที่มีคน Engage ถึงขั้นออกมาประท้วงปกป้องบริษัท มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้แน่ๆครับ
Airbnb ในมุมงบการเงิน
รายได้ของ Airbnb เติบโตต่อเนื่องมาตลอด
ปี 2016 รายได้ 1,655 ล้านดอลลาร์ โต 80%
ปี 2017 รายได้ 2,561 ล้านดอลลาร์ โต 54%
ปี 2018 รายได้ 3,651 ล้านดอลลาร์ โต 42%
ปี 2019 รายได้ 4,805 ล้านดอลลาร์ โต 31%
ปี 2020 รายได้ 3,378 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 29.7%
Airbnb ก็เหมือนกับหุ้นเติบโตตัวอื่นๆที่พอรายได้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอัตราการเติบโตก็เริ่มลดลง ซึ่งรายได้ของ Airbnb จะสัมพันธ์กับตัว Gross Booking Value (มูลค่าการจองที่พักแบบไม่หักคชจ.ต่างๆ) กับ No. of Night / Experience Book (จำนวนครั้งการจองที่พัก/ทัวร์) การที่ Airbnb จะเติบโตได้ไม่ No. of Night เพิ่มขึ้น ก็ Value Per Night สูงขึ้น
แต่ในปี 2020 ผลจากการปิดเมืองทำให้ No. of Night ลดลงอย่างหนัก ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลงตาม โดยปีนี้คือปีแรกตั้งแต่ตั้งบริษัทที่รายได้ไม่โต
ผลกระทบจากวิกฤต COVID หนักแค่ไหน? จากภาพด้านบนจะเห็นว่า Gross Booking Value ในQ2 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปี 2019 ถึง 67% และจริงๆผลกระทบมาตั้งแต่ Q1 แล้ว เพราะปกติ Q1 จะเป็น High season ของ Airbnb
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น GBV ดีดตัวกลับอย่างรวดเร็วใน Q3 ชะลอลงใน Q4 และขึ้นไปอยู่ที่ 10 Billion ใน Q1 2021
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ GBV ที่กลับมาเติบโตจนแตะระดับ All Time High แต่เป็น GBV/Night ที่ด้วยพุ่งตัวสู่ระดับ 160 ดอลลาร์ สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมาเช่นกัน ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจาก Demand การท่องเที่ยวของสหรัฐฯที่กลับมาเร็วกว่าประเทศอื่นๆ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปอยู่ Airbnb เพราะไม่อยากไปใช้ Facility กับคนอื่นๆจึงพยายามหลีกเลี่ยงโรงแรม
และด้วยเหตุผลที่บอกผสมๆไปกับการที่มีสาวกที่เหนียวแน่น Airbnb จึงเป็นตัวเลือกแรกในการท่องเที่ยวหลังเปิดเมืองของคนอเมริกัน รายได้จึงดีดกลับได้รวดเร็วกว่าเจ้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตามพอกำลังจะตัดสินใจซื้อก็ต้องเหลือบไปดูกำไรของ Airbnb ที่ตอนนี้ขาดทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน โดยขาดทุนถึง 4584 ล้านดอลลาร์ อะไรทำให้ Airbnb ขาดทุนได้ขนาดนี้?
สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นเทคโนโลยีและบริษัทที่ขาดทุนมาก่อนอาจจะตกใจ แต่ถ้าเข้าไปดูลึกๆจะรู้ว่าการขาดทุนครั้งนี้เป็นรายการทางบัญชี คือ SBC หรือ Stock Based Compensation - การได้รับหุ้นของพนักงานใน Airbnb หลังจากที่ Airbnb IPO เข้าตลาดได้ อันนี้กระทบเยอะมากประมาณ 3000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นยังมีรายการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ IPO อีกเป็นหลัก ร้อยล้านดอลลาร์
รายการพวกนี้พอมาผสมๆกับวิกฤตเลยทำให้งบออกมาดูแย่มาก แต่ถ้าเราไปดูที่ Adjusted EBITDA แทน (เอารายการที่เป็น One-time และรายการทางบัญชีออก) จะเห็นว่าภาพที่ออกมาค่อนข้างแตกต่าง ด้วยสถานการณ์ที่การท่องเที่ยวเผชิญกับวิกฤตที่หนักที่สุดในประวัติศาสตร์ Airbnb กลับสามารถรักษา Adjusted EBITDA ในระดับเดียวกันกับปี 2019 ไว้ได้ ถึงแม้จะยังขาดทุนแต่ก็นับว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจมากๆครับ
Airbnb สามารถรักษาระดับ Adjusted EBITDA ได้ใกล้เคียงกับปี 2019 และดีขึ้นมากๆถ้านับแค่ไตรมาส 4 ปี 2020 Adj. EBITDA -21 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีที่แล้วที่ -276 ล้านดอลลาร์ สาเหตุมากจากการควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวดนั่นเอง
ถ้าไม่นับ SBC รายการค่าใช้จ่ายต่างๆใน Q4 ปี 2020 ลดลงดังนี้ครับ
Product Development Expense ลดลง 26% จากการ Lay-off เมื่อต้นปี
Sales and Marketing Expense ลดลง 66% จากลดค่าใช้จ่ายการตลาดลง
General and Admin Expense ลดลง 15% จากการ Lay-off และลดค่าใช้จ่ายด้า Consulting ลง
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ Gross Booking Value กลับขึ้นไป All Time High และรายได้เริ่มกลับมาเติบโตใหม่ สิ่งนี้ทำให้ผมคิดว่าในระยะสั้น Airbnb น่าจะมี Earning Momentum ที่ดีกว่าที่คิดครับ
ถ้าเรามาดูที่งบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาจะเห็นว่ารายได้ของ Airbnb ยังสามารถคงตัวอยู่ได้ในระดับสูง และถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2020 จะเริ่มเห็นการเติบโตเบาๆแล้วที่ 5%
ส่วน Adjusted EBITDA ยังคงติดลบเบาๆที่ -59 ล้านดอลลาร์ ติดลบมากกว่าเมื่อไตรมาส 4 เล็กน้อย Stock based Compensation ลงมาเหลือ 200 กว่าล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส จากที่ 4Q โดนไป 3800 ล้าน หลังจากนี้เราน่าจะเห็นการ Turnaround ที่ดีของกำไรครับ (ติดลบน้อยลงแหละ)
สุดท้ายอยากจะบอกว่าทั้งหมดทั้งปวงที่กลับมาเติบโตเนี่ย ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวกลุ่ม Cross-Border และกลุ่ม Urban ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของ Airbnb นะครับ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการฉีดวัคซีนจนครบแล้ว เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น GBV หรือรายได้ยังสามารถเติบโตได้มากกว่านี้
การเติบโตของ Airbnb
ในระยะสั้น Airbnb จะเติบโตจากภาพใหญ่ของการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวเป็นหลัก ซึ่งก็จะคล้ายๆกับหุ้นท่องเที่ยวตัวอื่นๆเช่น Booking.com, Expedia, TripAdvisor
อย่างไรก็ตามผมคิดว่าการที่เลือกจะลงทุนใน Airbnb ตอนนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว (ถ้าแบบนั้นผมว่าหุ้นตัวอื่นอาจจะดูดีกว่า Airbnb) แต่เป็นการเดิมพันกับการเติบโตของ Airbnb ในระยะยาวที่ Drive ด้วยข้อได้เปรียบของบริษัท การออก Product ใหม่เช่น Airbnb Experience เพื่อตอบกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทที่ต้องการเป็น E2E Service (End-to-End Service) มากขึ้น ไม่เพียงแค่ให้บริการที่พักอย่างเดียว
การ Penetrate เข้าไปในตลาดที่มีขนาดใหญ่ถึง 3.4 Trillion ถ้าเอาเฉพาะค่า Fee 14% ก็ตกอยู่ที่ 340 Billion Airbnb ตอนี้มีรายได้ไม่เกิน 5 Billion เท่ากับเป็นส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1.4% ของตลาดเท่านั้น
เทรนด์การท่องเที่ยวของกลุ่ม “Belong Anywhere” ซึ่งแตกต่างกับลูกค้าโรงแรมอย่างชัดเจน และกำลังสร้างเทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ขึ้นมา
3 เทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ของกลุ่ม Belong Anywhere
เที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะคนกลุ่มหนึ่งจะ Work From Home 100% แล้วทำงานผ่าน Zoom นี่คือเหตุผลที่บริษัทสร้าง Flexible Date Booking ขึ้นมา
เที่ยวระยะยาว ในปี 2019 14% ของจำนวนคืนที่นักท่องเที่ยวจองเข้ามาใน Airbnb คือมากกว่า 28 วัน ในปี 2020 สัดส่วนนี้เพิ่มเป็น 24% มันมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มองการเที่ยวเป็นการเที่ยว แต่เป็นการใช้ชีวิตที่ผสมผสานระหว่างการทำงาน และการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ใช่ลูกค้าโรงแรมแน่ๆ
คนเริ่มเที่ยวทุกที่ ไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวแล้ว พอมีที่พักราคาเข้าถึงได้ คนก็ไปเที่ยว ไม่เหมือนกับโรงแรมที่ต้องอยู่ในเมืองใหญ่ๆหรือเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น
ซึ่งถ้าดูที่โมเดลธุรกิจของ Airbnb เทียบกับคู่แข่งแล้วก็ต้องบอกว่า Airbnb เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ และผลก็คือแม้ว่า Airbnb จะมี Market Cap สูงถึง เกือบๆ 90 Billion ซึ่งใกล้เคียงกับ Booking แต่อัตราการเติบโตช่วงก่อนวิกฤตกลับสูงกว่า Booking 2-3 เท่าตัวมาตลอด
และถ้าดูในปี 2020 หุ้นตัวที่รายได้ลดลงน้อยที่สุดใน 4 ตัวนี้ก็คือ Airbnb ซึ่ง -42% ในขณะที่ตัวอื่นๆติดลบตั้งแต่ 82-132%
ในเชิงคุณภาพจากงบการเงิน Airbnb รายได้โตมากกว่าคู่แข่ง ปี 2020 ที่ผ่านมาติดลบน้อยกว่าคู่แข่ง ตลาดที่อยู่ก็เป็นตลาดที่มีความ Unique ประมาณนึง ลูกค้าของ Airbnb มีความเป็นแฟนพันธ์แท้มากกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทีนี้ที่ราคานี้ของ Airbnb ก็มีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเอาไปเทียบกับ Booking.com ซึ่ง Market Cap ใกล้เคียงกันมาก แต่รายได้ของ Booking.com มากกว่า Airbnb ประมาณ 50-60% ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินของ Airbnb เช่น Price/Sales หรือ EV/Sales แพงกว่า Booking.com ที่ราวๆ 40-50%
นี่ยังไม่นับว่า Booking.com เป็นบริษัทที่มีรายได้มีกำไรแล้ว แต่ Airbnb จะมีกำไรเมื่อไหร่ยังไม่มีใครรู้ ดังนั้นถ้าอยากรู้มูลค่าของ Airbnb จริงๆอาจจะต้องทำการประเมินกระแสเงินสดของบริษัทให้ได้และทำการ Discount Cash Flow กลับมาครับ
การประเมินมูลค่าของ Airbnb
บอกก่อนว่าการประเมินมูลค่า Airbnb ของผมนั้นใช้สมมุติฐานบางส่วนมาจากของอจ.ดาโมดารัน แล้วผมเอามาลองปรับตามไอเดียผมดูครับ ถ้าเอาตามที่อจ.ทำเป๊ะๆมูลค่าของ Airbnb จะอยู่ที่ราวๆ 36 Billion ซึ่งต่ำกว่าราคาในตอนนี้เยอะเลย
สิ่งที่ผมทำแตกต่างจากอจ. นอกจากเรื่องอจ.ทำละเอียดกว่าผมเยอะมาก ผมคงต้องเรียนรู้อีกซักพักใหญ่ๆถึงจะเข้าใจทุกอย่างที่อจ.ทำครับ 555 ดังนั้นการทำ DCF ของผมจะเป็น DCF แบบระดับชาวบ้านนะครับ (หวังว่าหุ้นตัวหน้าจะเป็นระดับเซียนขึ้นมาบ้าง)
ผมประเมินมูลค่าออกมาได้ราวๆ 78 Billion ครับ เหตุผลที่สูงกว่าของอจ.ทำไว้หลักๆคือ
ผมให้ OPM สูงกว่าที่ 35% ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป โดยอ้างอิงข้อมูลจาก OPM ของ Booking.com ของอจ.จะอยู่ที่ 25% ครับ
อีกเหตุผลที่ผมให้ OPM สูงกว่าคือการที่ Traffic ของ Airbnb เป็น Organic และ Direct Traffic ซะเยอะครับ ค่าใช้จ่ายการตลาดน้อย ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะทำให้ OPM ในช่วงสุดท้ายของ Airbnb มากกว่า Booking.com (ถ้ามากกว่าจริงๆผมถือว่าเป็น Upside ไปละกันครับ แต่ให้แค่พอๆกับ Booking.com ไปก่อน)
ตอนนี้รายได้ของ Airbnb อยู่ที่ราวๆ 14% ของ Gross Booking Value ครับ แต่ในระยะยาวผมว่ามันน่าจะสูงกว่า 14% ได้เพราะ Airbnb เริ่มมีการเปิดให้บริการ Airbnb Experience เพิ่มเติม ซึ่งตัวนี้คิดค่า Fee 20% ครับ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ไว้ใน Projection นะครับ ส่วนตัวคิดว่ายังไงก็น่าจะมากกว่านี้ เพราะถ้ามาดูเทียบกับ Platform อื่นๆในระดับโลกถือว่าอยู่กลางๆ 18-20% ยาวๆน่าจะมีลุ้นน่ะ
มาดูการ Valuation ในเชิง Relative กันบ้าง ถ้า Airbnb turn cashflow positive ในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือแถวๆ 2026 ตอนนั้นจะมี FCF ประมาณ 1 Billion และ Gross Booking Value จะอยู่ที่ 94 Billion เท่าๆกับที่ Booking.com ทำได้ในปี 2019 พอดีๆ ดังนั้นนี่หมายความว่าถ้า Trade ที่ Price / GBV เท่าๆกับ Booking.com นั่นหมายความว่าราคา Airbnb ตอนนี้ล่วงหน้าไป 5 ปี และเทรดที่ Price / GBV 1 เท่าครับ
แต่ถ้าเอาราคาปัจจุบันไปเทียบกับ GBV ที่เคยทำได้ในปี 2019 Airbnb จะเทรดอยู่ที่ 2.3 เท่าของ GBV Premium มากกว่า Booking.com 1 เท่า ทีนี้มันก็อยู่ที่เราแล้วว่าคิดว่าราคานี้สมเหตุสมผลไหม โดยเอาเรื่อง OPM / การเติบโต / ปัจจัยเชิงคุณภาพ / Moat มา Weight รวมๆกันครับ
แต่ถ้าเอา GBV ของปี 2020 ที่ผ่านมานี้ Price / GBV ของ Airbnb จะอยู่ที่ 3.6 เท่า และ Booking.com อยู่ที่ 2.6 เท่าครับ ส่วนตัวคิดว่ายังไงก็ไม่น่าลงไปเทรด Price / GBV เท่า Booking.com เพราะการเติบโตต่างกัน โมเดลธุรกิจก็ไม่เหมือนกัน โครงสร้างทางการเงินก็แตกต่างกัน
ผมเอนไปทางของ Airbnb นะ มันทำยากกว่า การจะเก็บ Hosts คนธรรมดา 3.5 ล้านคนมันยากกว่าเก็บโรงแรม 4 แสนโรงแรมมากครับ อีกอย่าง Airbnb สามารถหาเงินจาก Hosts เพิ่มเติมได้จากการทำ Airbnb Experience ในขณะที่โรงแรมยังไม่มีโมเดลนี้ จะเห็นว่าสุดท้าย Booking.com เลยไปหาเงินเพิ่มด้วยการจับมือกับสายการบิน และบริษัทเช่ารถแทน
สรุปคร่าวๆ ถ้าเทียบราคาด้วย DCF ของผม ราคานี้มี Downside ประมาณ 10-20% ครับ แต่ถ้าเป็นของอจ.ดาโมดารันก็จะมี Downside ประมาณ 50-60%
แต่ถ้าเทียบกับ Booking.com ด้วย Price / GBV ในปัจจุบันจะมี Downside ประมาณ 30% (Assume ว่า Price / GBV ของ Airbnb จะไม่ลงไปต่ำกว่าของ Booking.com)
แต่ลึกๆในใจผมว่าถ้า Airbnb มี GBV เท่า Booking.com ในอีก 5 ปีข้างหน้า ไม่น่าเทรดเท่า Booking.com นะครับ อย่างน้อยๆน่าจะมี 1.5 เท่า Price / GBV ก็จะเป็น Market Cap ประมาณ 135 Billions ซึ่งดู Upside ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้า Price / GBV 2 เท่าก็อาจจะมี Upside จากตรงนี้อีกเกือบๆ 100% ใน 5 ปีครับ
บอกก่อนว่าอันนี้ไม่นับรวมว่าธุรกิจ Airbnb Experience และ Professional Hosts นะครับ อันนี้ต้องรอดูว่า Airbnb จะทำออกมาแนวไหน ถ้าทำแล้วสำเร็จดีจริงก็อาจจะราคาขึ้นไปมากกว่านี้ แต่ถ้าไม่สำเร็จตรงนี้ก็อาจจะแพงครับ อยู่ที่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และความเสี่ยงต่างๆแล้ว
ความเสี่ยงของ Airbnb
ความเสี่ยงของ Airbnb มีเยอะพอสมควรเลยครับ หลักๆก็เรื่องกฎหมาย Regulation ต่างๆ ที่เราเห็นกันเป็นประจำว่าโดนฟ้องนู่น ฟ้องนี่เต็มไปหมด แต่ผมว่าตลาดค่อนข้างรับรู้ส่วนนี้ไปมากแล้วไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่
ส่วนที่ผมกังวลมากที่สุดสำหรับ Airbnb มี 2 เรื่องคือเรื่องการแข่งขันจากพวก Tech ยักษ์ใหญ่เช่น Google ที่ตอนนี้เริ่มออกมาทำ Google Travel แล้ว
อีกเรื่องคือเรื่อง Valuation ซึ่งผมว่ามันอิงอยู่กับความสำเร็จของ Product ใหม่ และการเติบโตของ Airbnb พอสมควรเลย ถ้า Product ใหม่ไม่ปัง การขยายพื้นที่ไปในตลาดใหม่ๆไม่ได้ใน Pace ที่ควรจะเป็น หุ้นก็อาจจะถูก Sell-Off ได้
ในระยะสั้น Airbnb พึ่งหมดระยะ Quiet Period ไป (คนในบริษัทที่ได้หุ้นมาห้ามขาย) ไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เข้าใจว่าตอนนี้คงขายกันมาได้ซักพักแล้ว ทำให้ถัดจากนี้ไปจนถึงปลายปี ปัจจัยลบของ Airbnb ค่อนข้างน้อย มีปัจจัยบวกที่เตรียมเข้ามาซะเป็นส่วนใหญ่
สรุปหุ้น Airbnb ในมุมมองผม
ผมชอบหุ้นตัวนี้มากๆครับ Business Model ดี มีความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน มี Global Network Effect และ Ambition ของ Brian Chesky ที่ต้องการให้ Airbnb เป็นบริษัท Tech Tier-1
อย่างไรก็ตามถ้าจะถึงขนาดซื้อแบบ All-in ผมว่า Airbnb ยังห่างไกลจุดนั้นพอสมควร และจุดที่ผมจะจับตามองเป็นหลักคือการเติบโตที่ต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุด และ Product ใหม่ๆของ Airbnb อย่าง Experience ควรจะ Solid ได้แล้ว จริงๆ Brian Chesky เคยบอกว่า ปี 2020 จะเป็นปีทองของ Experience หลังจากที่ปั้นมาหลายปี แต่กลับมาเจอวิกฤตซะก่อนเลยแป๊กไป ผมว่ากว่าจะกลับมาได้น่าจะอย่างช้าปี 2022
สุดท้ายคงเป็นอย่างที่ Brian Chesky บอกไว้ว่าบริษัท Tech ใหญ่ๆที่ไประดับ Trillion ได้เพราะมี S-Curve การเติบโตใหม่ๆอยู่เสมอ ถ้า Airbnb ทำได้แบบที่ว่าจริงๆราคานี้ก็อาจจะไม่แพงเกินไปก็ได้ครับ
ถ้าชอบบทความวิเคราะห์หุ้นเจาะลึกแบบนี้ อยากให้เพื่อนๆ Subscribe กันไว้นะครับ ผมเขียนทุกสัปดาห์ครับ สัปดาห์ละ 1-2 ตัว เน้นหุ้น Technology ที่หาลงทุนไม่ได้ในไทย ถ้า Subscribe ไว้ระบบจะส่งไปให้ที่อีเมลล์เลยคร้บ :-)
ข้อมูลเพิ่มเติม
คลิปอจ.ดาโมดารันประเมินมูลค่า Airbnb